ผู้ใหญ่บ้าน ทีมตรวจไฟป่าดอยสุเทพ จี้ ฌอน บูรณะหิรัญ เร่งแจงปมเงินบริจาคอ้างช่วยดับไฟป่า หวั่นอนาคตคนไม่กล้าบริจาค ทำบั่นทอนกำลังใจ

กรณีสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลัง ฌอน บูรณะหิรัญ นักสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง เปิดรับบริจาคได้เงินกว่า 8 แสนบาท แต่ปรากฏว่านำไปใช้บริจาคช่วยโควิด-19 ไม่ได้นำไปช่วยเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า จ.เชียงใหม่ ตามวัตถุประสงค์ในการเปิดรับเงินบริจาค และยังนำเงินไปผลิตสื่อกว่า 2.5 แสนบาท อีกทั้งการเปิดเผยยอดบัญชีเงินบริจาคยังไม่เคลียร์ และถูกโยงว่ามีการจ่ายเงินจ้างอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อโปรโมตภาพลักษณ์งานปลูกป่านั้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 4 ก.ค. นายกมลรัฐ ลิ้มไขแสง หรือ “พ่อหลวงอุ๋ย” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านโป่งน้อย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งหมู่บ้านที่อาสาเฝ้าระวังและดับไฟป่าในช่วงที่เกิดสถานการณ์ไฟไหม้ป่าดอยสุเทพอย่างรุนแรง และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งทีมรถจักรยานยนต์วิบากสายตรวจไฟป่าของต.สุเทพ เปิดเผยว่า กรณีการเปิดรับบริจาคของ “ฌอน” นั้น เคยทราบจากข่าวและเข้าใจมาโดยตลอดว่ามีการประสานกับหน่วยงานราชการในการที่จะนำส่งการช่วยเหลือสนับสนุนต่อให้กับชาวบ้านและอาสาสมัครที่ทำงานในการดับไฟป่า

นายกมลรัฐ กล่าวต่อว่า กระทั่งมาทราบภายหลังว่าไม่ได้มีการประสานใด ๆ ผ่านทางหน่วยงานราชการ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่า ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใด ๆ จากฌอน รวมทั้งศิลปินดาราและคนดังอื่น ๆ ด้วย เพราะปกติจะรับผ่านทางหน่วยงานราชการเท่านั้น ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นอยากเรียกร้องให้ฌอนออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดโดยเร็ว

ผู้ใหญ่บ้าน ทีมตรวจไฟป่าดอยสุเทพ จี้ ฌอน บูรณะหิรัญ เร่งแจงปมเงินบริจาคอ้างช่วยดับไฟป่า

ผู้ใหญ่บ้าน ทีมตรวจไฟป่าดอยสุเทพ จี้ ฌอน บูรณะหิรัญ เร่งแจงปมเงินบริจาคอ้างช่วยดับไฟป่า

“กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลและไม่สบายใจให้กับชาวบ้านและอาสาสมัครเฝ้าระวังดับไฟป่าอย่างมาก เพราะต้องยอมรับความจริงว่าปัญหาอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของชาวบ้านและอาสาสมัครในการทำงานช่วยจัดการไฟป่านั้นเป็นเรื่องงบประมาณ ที่ลำพังของทางราชการอย่างเดียวไม่เพียงพอ ขณะที่ชาวบ้านและอาสาสมัครต่างทำงานด้วยใจเสียสละและไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ ทำให้มีความจำเป็นต้องมีการรับบริจาคในเรื่องอาหารการกินและอุปกรณ์การทำงาน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของชาวบ้านและอาสาสมัครที่เสียสละลงแรงแล้ว” นายกมลรัฐ กล่าว

นายกมลรัฐ กล่าวว่า ซึ่งปกติประชาชนและภาคเอกชนจะบริจาคสนับสนุนผ่านหน่วยงานราชการ เช่น อำเภอ, เทศบาล หรือทางอุทยานฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นทุกคนที่ทำงานต่างเกิดความกังวลใจว่าในอนาคตจะไม่มีใครกล้าบริจาคอีก ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นการบั่นทอนกำลังใจคนเสียสละทำงานอย่างมาก ทั้งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งอาสาสมัคร ถือมีบทบาทอย่างยิ่งในการจัดการไฟป่ารอบบริเวณดอยสุเทพ โดยมีการทำงานกันตลอดทั้งปีแม้ว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทน เพราะตระหนักดีว่าพื้นที่ป่าดอยสุเทพเป็นหัวใจของเมืองเชียงใหม่ จึงต้องการจะป้องกันให้ปราศจากปัญหาไฟป่า

นายกมลรัฐ กล่าวด้วยว่า โดยในช่วงที่ไม่มีไฟป่า จะร่วมกันทำแนวกันไฟและทำฝายชะลอน้ำ รวมทั้งปลูกป่าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ป่า ขณะที่เมื่อเข้าช่วงไฟป่าจะมีการจัดเวรเฝ้าระวัง แจ้งเตือนและช่วยดับไฟป่าด้วย ซึ่งการบริจาคช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับชาวบ้านที่เสียสละแทนที่จะต้องรับผิดชอบดูแลตัวเองทั้งหมด

สำหรับสถานการณ์ไฟไหม้ป่าดอยสุเทพในปีล่าสุดนั้น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านโป่งน้อย ต.สุเทพ แสดงความเห็นว่า รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากมองในแง่ดีแล้วมีความเป็นไปได้ว่าในปีหน้าสถานการณ์อาจจะไม่รุนแรงเหมือนปีนี้ เพราะจะทำให้เกิดการเฝ้าระวังมากยิ่งขึ้นและเชื้อเพลิงในป่าลดน้อยลง

นายกมลรัฐ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อีกมุมหนึ่งก็ยอมรับว่าทำให้ชาวบ้านที่ทำงานช่วยจัดการไฟป่าอาจจะเกิดความเป็นห่วงและเกรงกลัวขึ้นมาเช่นกันว่า หากเกิดสถานการณ์รุนแรงมาก ๆ จะเกินกำลังของชาวบ้านหรือไม่ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังแล้ว ทุกปัญหาสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

ที่มา : ข่าวสด

816 Views