วันที่ 5 ก.ค. บีบีซี รายงานว่า ทางการเมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ประกาศกักตัวผู้อยู่อาศัยกว่า 3,000 คนในอาคารชุดพักอาศัยของการเคหะ 9 แห่งในเมืองเฟลมิงตันและนอร์ธเมลเบิร์น หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างน้อย 23 คนจากอาคารชุดในกลุ่มเสี่ยง 2 ใน 9 แห่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน
ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยใหม่ในรัฐวิกตอเรียเมื่อวันเสาร์ที่ 4 ก.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 108 คน สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศ ส่วนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วออสเตรเลียเพิ่มเป็นอย่างน้อย 8,449 คน เสียชีวิตแล้ว 104 ราย และรักษาหาย 7,399 คน
นายแดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สร้างความวิตกกังวลอย่างมากให้กับความพยายามในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และว่าผู้อยู่อาศัยในอาคารชุดทั้ง 9 แห่งไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากอาคารเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน โดยระหว่างการล็อกดาวน์ เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลเรื่องการจัดส่งอาหาร ของใช้จำเป็น และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ครอบคลุมถึงเจลแอลกฮอล์
นพ.พอล เคลลี รักษาการผู้อำนวยการแพทย์สาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่าการล็อกดาวน์อาคารชุดในเมืองเฟลมิงตันและนอร์ธเมลเบิร์น นับเป็นครั้งแรกในออสเตรเลียที่ใช้มาตรการปิดพื้นที่อย่างสมบูรณ์
ภายหลังตัวอย่างการแพร่ระบาดของโรคซาร์สก่อนหน้านี้บ่งชี้ให้เห็นว่าที่พักอาศัยแบบอาคารชุดในฮ่องกงนี้มีการกระจายของเชื้อที่รวดเร็วและยากต่อการควบคุม หากไม่เร่งดำเนินการกักตัวและตรวจหาเชื้อ รวมทั้งรักษาผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อ