มิร์เรอร์ รายงานวันที่ 9 ก.ค. ถึงความคืบหน้ากรณีที่ นายฟีลิป มงกีโล อายุ 59 ปี คนขับรถบัส ถูกกลุ่มผู้โดยสารรุมทำร้ายร่างกายจนสมองตาย ที่เมืองบายอน ทางใต้ของฝรั่งเศส หลังไม่ให้ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวขึ้นรถบัส เนื่องจากไม่สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 ว่า

กลุ่มผู้ประท้วง 6,000 คน สวมชุดขาวเดินขบวนทั่วประเทศด้วยความโกรธแค้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่บรรดาคนขับรถบัสยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที ตามเมืองต่างๆ รวมถึง กรุงปารีส สทราซบูร์ และบอร์โด เพื่ออาลัยนายฟีลิป เมื่อ 19.30 น. เวลาเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเมื่อวันที่ 5 ก.ค.

ส่วนที่เมืองบายอน นางเวโรนิก มงกีโล ภรรยานายฟีลิป ออกมาเดินขบวนประท้วงด้วยการชูภาพถ่ายคู่กับสามีแผ่นใหญ่ พร้อมด้วยลูกสาว 3 คน ถือดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ พร้อมชาวเมืองจำนวนมากที่ออกมาเดินเต็มท้องถนนเพื่อแสดงการสนับสนุนแก่ครอบครัวมงกีโล

“ฉันจะต่อสู้จนจบ ตัวฉันมีความแข็งแกร่ง ฉันแทบไม่มีน้ำตาอีกแล้ว ฉันโกรธ และฉันจะเดินหน้า ฉันไม่กลัว ความยุติธรรมอยู่กับฉัน ความยุติธรรมจะช่วยฉันแก้แค้นสามีฉัน” นางเวโรนิกกล่าว

นางเวโรนิกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ เลอ ปารีเซียง ว่า “ฉันไม่อยากเผชิญความจริง ฉันรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฝันร้าย” และว่า ครอบครัวของเธอถูกทำลายในไม่กี่วินาที หลังสามีภรรยาวางแผนซื้อรถบ้านในเดือนกันยายน ก่อนที่นายฟีลิปจะเกษียณอายุปีหน้า

นางเวโรนิกเผยความรู้สึกกับหนังสือพิมพ์ ซู แว็สต์ ด้วยว่า “สามีจากพวกเราไปแบบนี้ไม่ได้ เขากำลังครบอายุ 59 ปี เร็วๆ นี้” และว่า “คุณอย่าทำแบบนี้เพราะไม่มีบัตรโดยสาร อย่าฆ่าคนฟรีๆ เช่นนี้” ขณะที่ นางมารี ลูกสาวคนหนึ่งของนายฟีลิป กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ลมหายใจของพ่อ แต่เป็นเครื่องช่วยหายใจ… พวกเรารู้ว่ามันจบแล้ว พวกเราว่างเปล่า… พวกเราไม่มีน้ำตาอีกแล้ว”

เพื่อนร่วมงานเผยว่า นายฟีลิปเป็นคนดี ทำงานหนัก และดูแลผู้โดยสารเสมอ สมควรได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย และในฐานะคนขับรถบัส ควรต้องบังคับใช้กฎหมายได้ นอกจากนี้ เพื่อนร่วมงานหลายคนของนายฟีลิปจะไม่ทำงานเพื่อแสดงการประท้วงจนถึงวันจัดงานศพนายฟีลิป

“มีความกระทบกระทั่งกับผู้โดยสารเพราะหน้ากากอนามัยหลายครั้ง เนื่องจากเป็นกฎหมาย แต่พนักงานรถบัสไม่ใช่ตำรวจ จึงไม่อาจบังคับใช้กฎหมายได้”

สำหรับรายละเอียดเหตุการณ์ นายมาร์ มารีเอ พนักงานอัยการ แถลงว่า ชาย 3 คน ขึ้นรถบัสพร้อมสุนัข 1 ตัว จากนั้น ชายคนที่ 4 ขึ้นรถบัสมาจากป้ายรถเมล์ถัดไป นายฟีลิปจึงเดินมาตรวจบัตรโดยสารของชายคนที่ 4

นอกจากนี้ นายฟีลิปขอให้ผู้โดยสารกลุ่มนี้สวมหน้ากากอนามัยก่อนขึ้นรถบัส เป็นไปตามการบังคับใช้กฎหมายสำหรับทุกคนที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 แต่กลายเป็นปากเสียง ก่อนที่นายฟีลิปถูกผู้โดยสารกลุ่มนี้ผลักออกจากรถบัส และถูกชาย 2 คน รุมเตะและชกอย่างรุนแรง

บางส่วนหลบหนีไป ส่วนนายฟีลิปถูกทิ้งในสภาพหมดสติบาดเจ็บสาหัสบนทางเท้า ต่อมา ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 1 คน ในที่เกิดเหตุ และอีก 4 คน ถูกจับกุมที่อพาร์ตเมนต์ในเมืองบายอน จำนวนนี้เป็นผู้เยาว์ 1 คน ถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา

ในจำนวนชายที่เหลือ 4 คน ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่ากับชาย 2 คน ที่ทำร้ายนายฟีลิป ส่วนอีก 2 คน ถูกตั้งข้อหาไม่ช่วยเหลือบุคคลที่ตกอยู่ในอันตราย และหนึ่งคนในนี้ถูกตั้งข้อหาเพิ่มพยายามปกปิดเบาะแสผู้ต้องสงสัย ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดอยู่ระหว่างการถูกคุมขัง

สื่อท้องถิ่นรายงานด้วยว่า เกิดกรณีที่ผู้โดยสารปะทะกับคนขับรถบัสเพราะหน้ากากอนามัยอีก 3 ครั้ง

โคลเดอ โอลีฟ นายกเทศมนตรีเมืองบายอน กล่าวว่า มีการประชุมเพื่อพยายามปรับปรุงความปลอดภัยบนรถบัสแล้ว และประณามเหตุการณ์ดังกล่าวป่าเถื่อน คนยอดเยี่ยมอย่างนายฟีลิปสมควรได้รับการปกป้อง

 

 

 

 

ที่มา : ข่าวสด

685 Views