[responsivevoice voice=”Thai Female” buttontext=”ฟังข่าว 4 นาที”]

“ภาณุพล” ผู้ว่า ยสท.โชว์กำไรปีนี้ 500 ล้านบาท หลังลดรายจ่ายไม่จำเป็น 2 เดือนได้ถึง 140 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 64 ลดค่าใช้จ่ายด้านการผลิตเหลือ 4,600 ล้านบาท ดันกำไรถึงเป้าที่วางไว้ 600 ล้านบาท วางกลยุทธ์หารายได้ทุกช่องทาง ลดต้นทุนรายจ่ายพร้อมเดินหน้าส่งเสริมปลูก เช่น กัญชา–กัญชง หวังเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ในอนาคต

นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) กล่าวว่า สำหรับในปีนี้แม้จะเจอการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ ยสท.สามารถทำกำไรได้ทั้งสิ้น 500 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 513 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถลดค่าใช้จ่ายในองค์กรที่ไม่จำเป็นได้ อาทิ ค่าทำงานล่วงเวลา (โอที) ค่าทำการตลาด เป็นต้น ประมาณ 140 ล้านบาท

ส่วนในปี 2564 ยสท.คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาท โดยตั้งเป้าลดรายจ่ายด้านต้นทุนการผลิตบุหรี่ และใบยา ซึ่งจะมีค่าผลิตประมาณ 5,400 ล้านบาท เหลือเพียง 4,600 ล้านบาท หรือลดลง 800 ล้านบาท เพื่อนำเงินส่วนนี้มาเป็นรายได้ของ ยสท.เพื่อพัฒนาส่วนอื่นๆต่อไป

“ในฐานะผู้บริหารคนใหม่ที่ข้ามสังกัดจากกระทรวงมหาดไทย มาอยู่ในสังกัดของกระทรวงการคลัง สิ่งแรกที่ ยสท.ต้องดำเนินการคือ การทำให้สาธารณชนรู้จักความเป็นตัวตนของ ยสท.ให้มากยิ่งขึ้น จึงเริ่มต้นด้วยการจัดตั้งทีมแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือบุคคลที่จะทำหน้าที่สื่อสารออกไปว่า ยสท.ทำอะไรบ้าง เพื่อส่งเสริมพันธมิตรในทุกระดับ สร้างความสัมพันธ์กับชาวไร่ผู้เพาะปลูกใบยาสูบในสังกัดกว่า 50,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ รวมทั้งยังพบปะเยี่ยมเยียนคู่ค้า โมเดิร์นเทรด ร้านค้าส่งยาสูบทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมช่องทางการจำหน่าย”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ยสท.ควรให้ความสำคัญที่สุดคือ ต้องตระหนักว่าธุรกิจยาสูบไม่ใช่รัฐวิสาหกิจที่มีรายได้มากมายมหาศาลเหมือน เช่นในอดีตที่ผ่านมา ยสท.ยุคใหม่ต้องพร้อมรับฟังความคิดเห็นทั้งจากพนักงานและประชาชนทั่วไป เมื่อไม่สามารถจำหน่ายบุหรี่ได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีโครงสร้างภาษีที่ทำให้ ยสท. สูญเสียโอกาสในการทำกำไร ยสท.จึงต้องหารายได้ จากทุกช่องทาง การส่งเสริมให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆทดแทนยาสูบ เช่น กัญชา-กัญชง เป็นต้น และใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างพอเพียงเพื่อประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้ ยสท.ยังมีแผนการพัฒนาที่ดินทั้งในส่วนกลางและสำนักงานยาสูบส่วนภูมิภาค เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับองค์กรในอนาคต รวมถึงการปราบปรามบุหรี่เถื่อนบุหรี่ผิดกฎหมาย ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต เจ้าหน้าที่ศุลกากร และร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้บุหรี่ผิดกฎหมายมาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของบุหรี่ ยสท. ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 60% ของตลาด

 

[/responsivevoice]

ที่มา : ไทยรัฐ

792 Views