[responsivevoice voice=”Thai Female” buttontext=”ฟังข่าว 4 นาที”]


นักไวรัสวิทยาหญิงชาวจีน ซึ่งตอนนี้กำลังซ่อนตัวในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย อ้างว่า เธอมีหลักฐานพิสูจน์ว่าไวรัสโควิด-19 ถูกสร้างขึ้นภายในห้องแล็บที่เมืองอู่ฮั่น

สำนักข่าว นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า ดร.เยี่ยน หลี่เมิ่ง ซึ่งอ้างตัวว่า มีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ในช่วงเริ่มแรกของการระบาดเมื่อปลายปีก่อน กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘Loose Women’ ซึ่งออกอากาศทางช่อง ‘ไอทีวี’ ในสหราชอาณาจักร ว่ามีหลักฐานว่าไวรัสตัวนี้ถูกสร้างขึ้น

ดร.เยี่ยน กล่าวผ่านวิดีโอแชตจากสถานที่ที่ไม่มีการเปิดเผยว่า “มันมาจากห้องทดลอง…ห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่นและเป็นห้องทดลองที่ควบคุมโดยรัฐบาลจีน” เธอยืนยันด้วยว่า รายงานที่บอกว่าไวรัสตัวนี้มีต้นกำเนิดจากตลาดสดในเมืองอู่ฮั่นนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น เพราะไวรัสตัวนี้ไม่ได้มาจากธรรมชาติ โดยเธอได้ข้อมูลมาจากแพทย์ท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคของจีน

ก่อนหน้านี้ ดร.เยี่ยน เคยออกมากล่าวหารัฐบาลจีนว่าโกหกเกี่ยวกับช่วงเวลาที่พวกเขารู้เรื่องไวรัสโควิด-19 เธออ้างด้วยว่า อดีตหัวหน้าของเธอที่สถาบันสาธารณสุขฮ่องกง ปิดปากเธอตอนที่เธอพยายามออกมาเตือนว่าไวรัสตัวนี้สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ช่วงเดือนธันวาคมปีก่อน

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีรายงานว่า ดร.เยี่ยน หลบหนีออกจากฮ่องกงไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อเตือนเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด-19 และตอนนี้เธอก็กำลังวางแผนจะเปิดเผยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์ว่า ไวรัสตัวนี้ถูกสร้างขึ้นที่ห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น

“ลำดับจีโนม (genome sequence) ก็เหมือนลายนิ้วมือของมนุษย์” เธอกล่าวในรายการ Loose Women “ดังนั้น จากสิ่งนี้คุณสามารถระบุอะไรๆ ได้หลายอย่าง ฉันใช้หลักฐานนั้น เพื่อบอกผู้คนว่าทำไมไวรัสตัวนี้จึงมาจากห้องแล็บในจีน ทำไมจึงมีเพียงพวกเขาที่สร้างมันขึ้นมา”

ดร.เยี่ยน ระบุด้วยว่าสาเหตุที่เธอออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในตอนนี้เพราะ “ฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่บอกความจริงกับโลก ฉันจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน”

ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันหลายครั้งว่า ไวรัสโควิด-19 มีต้นกำเนิดจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ไวรัสตัวนี้ระบาด ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุจนไวรัสรั่วไหลออกมาภายนอก ซึ่งทางการจีนปฏิเสธมาตลอด

 

[/responsivevoice]

ที่มา : ไทยรัฐ

985 Views