เมื่อวันเสาร์ (24 เมษายน) กลุ่มนักกิจกรรมการเมืองชาวไทย ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรชานมจากเมียนมา ฮ่องกง ไต้หวัน และทิเบต คาซัคสถาน รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์ เข้าร่วมงานเดินขบวน Milk Tea Alliance Rally and March for Freedom ที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน ในกรุงวอชิงตัน เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์สนับสนุนประชาธิปไตยและประณามการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองในกลุ่มประเทศดังกล่าว รวมถึงต่อต้านอิทธิพลของจีนในภูมิภาค
กลุ่มพันธมิตรชานมเดินขบวนไปยังสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา และสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตัน เพื่อยื่นหนังสือแสดงจุดยืน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตการณ์การชุมนุมที่เป็นไปอย่างสงบ
“นับตั้งแต่ปีค.ศ. 2020 ประชาชนหลายหมื่นคนในไทยร่วมประท้วง โดยมีเยาวชนและนักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก พวกเขาประท้วงบนท้องถนนเพื่อเรียกร้องให้กองทัพเลิกข้องเกี่ยวกับกิจการทางการเมือง และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” แถลงการณ์ของกลุ่มพันธมิตรชานมระบุ
“เราประณามการจับกุมและดำเนินคดีประชาชนและผู้ประท้วงอย่างน้อย 373 คนในไทย โดยมี 126 คดีที่เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการละเมิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 70 คน”
เจเจ (นามแฝง) แมทิสัน พนักงานนอกเวลา อายุ 37 ปี นักกิจกรรมชาวไทยเดินทางจากมหานครนิวยอร์กเพื่อเข้าร่วมงานดังกล่าว โดยเธอกล่าวปราศรัยสนับสนุนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในไทย ข้อสังเกตที่เธอมองว่าผู้มีอำนาจทางการเมืองในไทยอ้างพระราชอำนาจเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง รวมถึงเรียกร้องให้ทางการไทยปล่อยตัวนักกิจกรรมชาวไทยที่ถูกคุมขังจากการตั้งคำถามถึงสถาบันกษัตริย์
เจเจ ผู้ร่วมก่อตั้งเพจเฟซบุ๊ก Thai New Yorkers for Democracy และเพจ Thai Rights Now เริ่มเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่นครนิวยอร์ก เพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมในไทย
อย่างไรก็ตาม ความสนใจทางการเมืองของเธอก็เริ่มมีมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น
“เหตุการณ์หลายอย่างที่ไทยเกิดขึ้นช่วงที่ดิฉันอยู่อเมริกา พอเราเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งการที่กลุ่มคนเสื้อแดงถูกสังหาร การรัฐประหาร แล้วเราไม่โอเคมาก ๆ เราอยู่ตรงนี้ เห็นบ้านเมืองแย่ลง นายกรัฐมนตรีไม่ทำตามสัญญา มีการใช้กลไกสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ การยุบพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม” เจเจเล่าถึงแรงบันดาลใจที่เธอเข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองไทยในสหรัฐฯ
เธอยอมรับว่า การจัดกิจกรรมเรียกร้องการเมืองไทยในระยะหลังมานี้ เริ่ม “แผ่วลง” เช่นกันเมื่อเทียบกับช่วงปีที่แล้วที่มีการประท้วงอย่างเป็นวงกว้างในประเทศไทย
“การที่เรามาทำกิจกรรมในวันนี้ อยากให้ทุกคนเห็นว่าการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด ในรัฐต่าง ๆ ในประเทศต่าง ๆ ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ คนไทยยังไม่เดียวดายในการต่อสู้ ไม่อยากให้แกนนำรู้สึกท้อแท้ ตอนนี้ยอมรับว่าอาจจะยากเพราะยังมีโรคระบาด แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีคือ เรามีเสรีภาพในการแสดงออกที่แท้จริงในสหรัฐฯ” เจเจกล่าวทิ้งท้าย
