พ่อแม่ของวัยรุ่นชายวัย 15 ปี ที่ตกเป็นผู้สงสัยคดีก่อเหตุกราดยิงภายในโรงเรียนมัธยมออกซฟอร์ด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ถูกจับกุมตัวแล้วในเมืองดีทรอยส์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐฯ หลังพยายามหลบหนีหลายชั่วโมง
นายเจมส์ และนางเจนนิเฟอร์ ครัมบลีย์ ถูกกล่าวหาว่า “เพิกเฉยต่อสัญญาณอันตราย” ก่อนที่บุตรชายของพวกเขาจะออกไปก่อเหตุรุนแรงภายในโรงเรียนมัธยมออกซฟอร์ด เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บ 7 ราย
สำนักงานอัยการเขตโอ๊คแลนด์ ในรัฐมิชิแกน เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อ 3 ธ.ค. ตั้งข้อกล่าวหา “ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท” กับนายและนางครัมบลีย์ ทว่า 2 สามีภรรยาไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ศาลในวันดังกล่าว จึงถูกออกหมายจับ
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนสหรัฐฯ รายงานว่า ตำรวจเข้าควบคุมตัวทั้งคู่ได้ชนิดไม่ทันตั้งตัว หลังได้รับแจ้งจากประชาชนที่พบเห็นรถยนต์ของครอบครัวครัวบลีย์
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ เสนอให้รางวัล 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.4 แสนบาท) แก่ผู้ที่สามารถให้ข้อมูลและเบาะแสต่าง ๆ จนนำไปสู่การจับกุมได้
ทนายความของครอบครัวครัมบลีย์กล่าวกับบีบีซีว่า 2 สามีภรรยาไม่ได้หลบหนีการบังคับใช้กฎหมาย แต่พวกเขาเดินทางออกนอกเมืองในคืนที่มีเหตุกราดยิง “เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง” และไม่ได้หนีตำรวจ
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ตำรวจตรวจสอบพบว่าคู่สมรสคู่นี้ได้ถอนเงินสดออกไป 4 พันดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 แสนบาท) จากตู้เอทีเอ็มในเมืองโรเชสเตอร์ ฮิลส์ ชานเมืองดีทรอยส์ และปิดโทรศัพท์มือถือ
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายตามการเปิดเผยของตำรวจ ได้แก่ เท็ต มีเร อายุ 16 ปี เมดิซิน บาลด์วิน อายุ 17 ปี, ฮานา เซนต์ จูเลียนา อายุ 14 ปี และ จัสติน ชิลลิง อายุ 17 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 7 ราย
ผู้ต้องสงสัยวัย 15 ปีได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจหลังเกิดเหตุ ก่อนถูกตั้งข้อหาซึ่งมีบทลงโทษในระดับเดียวกับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้เขาถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย 1 กระทง, ข้อหาฆาตกรรม 4 กระทง, ข้อหาประทุษร้ายผู้อื่นโดยมีเจตนาให้ถึงแก่ความตาย 7 กระทง และข้อหาครอบครองอาวุธปืนอีก 12 กระทง
ทำไมพ่อแม่ถึงถูกตั้งข้อหาด้วย
นางคาเรน แมคโดนัลด์ อัยการเขตโอ๊คแลนด์ กล่าวยอมรับว่า การตั้งข้อหาพ่อแม่ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อเด็ก เป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง
รายงานการสอบสวนของอัยการเขตโอ๊คแลนด์ระบุว่า เด็กชายอยู่กับพ่อเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (26 พ.ย.) ตอนที่นายครัมบลีย์ซื้อปืนใหม่และเชื่อว่าเป็นปืนที่ถูกนำใช้นำมาใช้ก่อเหตุ
เด็กชายโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียโชว์อาวุธใหม่ของผู้เป็นพ่อ พร้อมบรรยายว่า “ความงดงามใหม่ของผม” โดยมีอีโมจิรูปหัวใจต่อท้าย ส่วนแม่ของเขาโพสต์ข้อความในวันถัดมาว่าพ่อและลูก “กำลังทดลองของขวัญคริสต์มาส”
ก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วัน (29 พ.ย.) ครูสาวรายหนึ่งเล่าว่าเห็นนักเรียนชายรายนี้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกระสุนปืนในโลกออนไลน์ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของทางโรงเรียนรับทราบเพื่อติดต่อผู้ปกครองเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังได้รับแจ้งจากทางโรงเรียน นางครัมบลีย์ส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไปหาบุตรชายว่า “ฮ่า ๆ ๆ แม่ไม่ได้โกรธลูกหรอก ลูกต้องเรียนรู้ที่จะไม่ถูกจับได้ก็แล้วกัน”
เด็กชายยังเขียนข้อความไว้ด้วยว่า “ชีวิตผมมันไร้ค่า” และ “โลกดับแล้ว”
เจ้าหน้าที่โรงเรียนกล่าวกับผู้ปกครองให้รีบพาบุตรชายไปขอรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ แต่ทั้งคู่ไม่ต้องการพาลูกออกจากโรงเรียนในวันนั้น และไม่ได้ถามบุตรชายว่าพกปืนติดตัวมาด้วยหรือเปล่า หรือขอค้นกระเป๋าเป๋แต่อย่างใด
เวลา 13.22 น. นางครัมบลีย์ส่งข้อความไปหาบุตรชายว่า “อีธาน อย่าทำเลย”
ไม่กี่นาทีต่อมา สามีของเธอก็โทรไปแจ้งตำรวจว่าปืนของเขาหายไป แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าเด็กชายได้ออกจากห้องน้ำของโรงเรียน และเปิดฉากกราดยิงใส่เพื่อนนักเรียนแล้ว
อัยการแมคโดนัลด์กล่าวว่า นายและนางครัมบลีย์เพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนว่าจะเกิดเหตุรุนแรงจากอาวุธปืนที่ตัวเองเป็นเจ้าของ และไม่ช่วยขัดขวางหรือระงับการก่อเหตุ
“การที่พ่อแม่ได้อ่านข้อความเหล่านั้น และยังรู้อยู่แล้วว่าลูกชายสามารถเข้าถึงปืนที่พวกเขามอบให้ เป็นเรื่องไร้เหตุผล และเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญา” นางแมคโดนัลด์กล่าว
อัยการเคยตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้ว่า แม้ปืนจะถูกซื้อมาอย่างถูกกฎหมาย แต่ดูเหมือนว่ามัน “เพิ่งจะวางขายได้อย่างเสรี” สำหรับการใช้งานของเด็ก สมมติฐานของเธอคือ ผู้ต้องสงสัยน่าจะหยิบปืนมาจากลิ้นชักที่ไม่ได้ล็อกในห้องนอนของพ่อแม่ แล้วนำไปที่โรงเรียน
แต่ถึงกระนั้น กฎหมายของรัฐมิชิแกนและรัฐบาลกลางก็ไม่ได้กำหนดให้เจ้าของปืนต้องเก็บอาวุธของตนให้พ้นจากมือเด็ก