กองทัพภาคที่ 3 ประกาศ “โต้ตอบทันที หากมีกองกำลังต่างชาติรุกล้ำอธิปไตยประเทศไทย” หลังการปะทะระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงจนมีกระสุนตกข้ามมาฝั่งไทยหลายครั้ง และมีผู้อพยพหลายพันคนข้ามมาไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย แถลง เรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมาหาทางแก้ไขความขัดแย้งด้วยการพูดจาหารือกัน เพื่อยุติการปะทะโดยเร็วที่สุด
ด้านกองกำลังผสมทหารกะเหรี่ยงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน ได้ปฏิบัติการทางทหารเข้าโจมตีทหารเมียนมา ในหมู่บ้านเลเตอก่อ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมาตรงข้ามบ้านดอนชัย ตำบลแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ธ.ค. จับกุมทหารเมียนมาและอาวุธได้จำนวนหนึ่ง
“โต้ตอบทันที”
กองทัพภาคที่ 3 ของไทย แถลงเมื่อ 30 ธ.ค. ว่า ระหว่าง 16 – 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างทหารเมียนมา กับ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army : KNLA) กองพลน้อยที่ 6 ในพื้นที่บ้านเลเก้ก่อ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้านตรงข้าม ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กองทัพภาคที่ 3 โดย กองกำลังนเรศวร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมประชาชนในพื้นที่ ได้เพิ่มการลาดตระเวนเดินเท้าพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง และการลาดตระเวนยานยนต์ เพื่อเฝ้าตรวจ และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ “โดยพร้อมดำเนินการโต้ตอบทันที หากมีกองกำลังต่างชาติรุกล้ำอธิปไตยประเทศไทย”
กองกำลังนเรศวร โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 จัดกำลังพล ร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ให้ความช่วยเหลือปรับปรุงหลุมหลบภัยให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมน้ำเมย บ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จำนวน 50 หลุม (50 ครอบครัว) เพื่อเตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนไทยในพื้นที่ และร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลพบพระ พร้อมด้วยประชาชน ให้ความช่วยเหลือ และซ่อมแซมบ้านเลขที่ 155/1 บ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ
กะเหรี่ยงปะทะเมียนมาอีก
กองกำลังผสมทหารกะเหรี่ยงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) แถลงเมื่อ 30 ธ.ค. ว่า ในช่วงเช้าได้ร่วมกับกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเข้าโจมตีทหารเมียนมา ในหมู่บ้านเลเก้ก่อ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านดอนชัย ตำบลแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเคเอ็นยูใช้อาวุธปืนประจำกาย รวมทั้งอาร์พีจีเข้าโจมตีฝ่ายทหารเมียนมาที่เข้ามาในหมู่บ้านเลเก้ก่อ
เคเอ็นยูจับกุมทหารฝ่ายเมียนมา 7 คน และยึดอาวุธได้จำนวนหนึ่ง เช่น ปืนอาร์พีจี. เอ็ม.79 ปืนค. 60 และอาวุธอื่น รวมทั้งกระสุนปืนอีกหลายชนิด
นอกจากนี้ทหารเคเอ็นยูได้ซุ่มโจมตีทหารเมียนมาบริเวณเส้นทางสาย จ.เมียวดี – จ.กอกาเลก ข้างถนนสายเอเชีย ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันนาน 20 นาที ทำให้ทหารเมียนมาเสียชีวิต 3 นาย ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
ท่าทีกระทรวงการต่างประเทศไทย
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงเมื่อ 30 ธ.ค. ว่า ไทยมีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อการปะทะในพื้นที่ครั้งล่าสุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อฝั่งไทย โดยไทยเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมา หาทางแก้ไขความขัดแย้งด้วยการพูดจาหารือกัน เพื่อยุติการปะทะ โดยเร็วที่สุด และต้องการเห็นสันติภาพ และเสถียรภาพกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดน เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน มีความปลอดภัยและสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง “หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้ร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมพื้นฐาน แก่ชาวเมียนมา ที่หลบหนีเข้ามาใน จ.ตาก เป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติของทางการไทย และประเพณีด้านมนุษยธรรมที่ยาวนานของไทย” นายธานีกล่าวกระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศสนับสนุนความพยายามของบรูไน ในฐานะประธานอาเซียนในปัจจุบัน และกัมพูชา ในวาระต่อไป ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในเมียนมาโดยสันติ และผลักดันให้มีความคืบหน้า ในการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ ของผู้นำอาเซียนที่บรรลุร่วมกันในการประชุมเมื่อ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้แก่
- ต้องมีการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาทันที โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด
- ต้องมีการหารือที่สร้างสรรค์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้น เพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
- ผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียนจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ในการเป็นสื่อกลางของกระบวนการหารือภายใต้การช่วยเหลือของเลขาธิการอาเซียน
- อาเซียนจะให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมผ่านศูนย์ประสานงานเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติของอาเซียน (AHA Center)
- ผู้แทนพิเศษรวมถึงคณะผู้แทนจะเดินทางเยือนเมียนมาเพื่อพบกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
“ไทยหวังว่า ความพยายามของกัมพูชาจะทำให้กระบวนการของอาเซียนในเรื่องนี้ มีความคืบหน้าที่เป็นบวก” นายธานีกล่าว