ยูเครน : เลขาธิการนาโตระบุ ยังไม่เห็นรัสเซียถอนทหาร แต่กลับเพิ่มกำลังพลมากขึ้น

ที่มาของภาพ,EPA/RUSSIAN DEFENCE MINISTRY คำบรรยายภาพ, ทหารรัสเซียหลายหมื่นนายเข้าร่วมการซ้อมรบร่วมในเบลารุส ซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครน

นายสโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัสเซียได้ส่งกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามา ก่อนที่จะถอนกำลังทหารออกไป แต่ไม่ได้เคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ “ฉะนั้นพวกเขาสามารถที่จะส่งคนกลับเข้ามาอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว”

เขากล่าวว่า นาโตต้องการเห็นการถอนกำลังออกไปอย่างถาวร

แต่นายเบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร กล่าวว่าเขายังไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่ว่า รัสเซียกำลังลดระดับปฏิบัติการลง “จากการสังเกตการณ์ในพื้นที่ที่เราพบ เผยให้เห็นสิ่งตรงข้าม” เขากล่าวกับรายการบีบีซี เบรกฟาสต์ (BBC Breakfast) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า จะตัดสินรัสเซียด้วยการดูที่การกระทำไม่ใช่คำพูด หลังจากที่รัฐบาลรัสเซียอ้างว่า กำลังถอนกำลังออกจากไครเมีย นายวอลเลซ กล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบความจริงของคำกล่าวของรัสเซียคือ การใช้ข่าวกรองของสหราชอาณาจักรเอง หรือการเคลื่อนย้ายกำลังทหาร เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ เรายังเห็นในสิ่งตรงกันข้าม โดยมีการเพิ่มทหารรัสเซียและเคลื่อนกำลังจากจุดรวมพล ไปยังจุดที่จะเปิดฉากโจมตีได้ดุเดือดมากกว่า เขากล่าวว่า รัสเซียกำลังสร้างโรงพยาบาลสนาม และส่งเรือออกฝึกซ้อมทางทะเล “นั่นไม่ใช่การซ้อมรบปกติ คุณไม่ล้อมประเทศใด โดยการเคลื่อนกำลังทหาร 60% ของกองทัพบกของรัสเซียมาประจำการที่พรมแดน ถ้าคุณแค่ฝึกซ้อมเท่านั้น” เขากล่าว ต่อมาเขากล่าวกับรายการทูเดย์ (Today) ของบีบีซี เรดิโอ 4 ว่า “คร่าว ๆ จากเมื่อวาน [รัสเซีย] อยู่ในตำแหน่งและมีขนาดที่พร้อมจะบุกยูเครนได้สำเร็จ ถ้าพวกเขาต้องการทำเช่นนั้น”

ต้องเลือกระหว่างสงครามหรือการทูต

นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป กล่าวว่า รัสเซียต้องเลือกระหว่างสงครามหรือการทูต

ในการกล่าวกับสมาชิกรัฐสภายุโรป นายมิเชล กล่าวว่า “การยกระดับทางทหารของรัสเซียอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อยูเครน” เป็นการคุกคาม “สันติภาพและความมั่นคงในยุโรป” “ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา รัสเซียได้ส่งสัญญาณว่า อาจจะเปิดรับการเจรจาทางการทูต และเราเรียกร้องให้รัสเซียดำเนินการที่เห็นเป็นรูปธรรมในการลดระดับกำลังทหารลง เพราะนี่คือเงื่อนไขสำหรับการเจรจาทางการเมืองอย่างจริงใจ” นายมิเชล กล่าว “ตัวเลือกวันนี้คือ การเลือกระหว่างสงครามและการสูญเสียอย่างน่าเศร้าที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับสงครามนั้น หรือ ความกล้าหาญในการเข้าร่วมทางการเมือง ความกล้าหาญในการเจรจาทางการทูต” เขากล่าวเพิ่มเติม

“วันแห่งเอกภาพ” ของยูเครน

ส่วนสถานการณ์ในยูเครน วันนี้ยูเครนได้กำหนดให้เป็นวันแห่งเอกภาพขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่า กองกำลังของรัสเซียที่อยู่ตามแนวพรมแดนจะเปิดฉากโจมตี

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี เรียกร้องให้ประชาชนโบกธงชาติ ติดริบบิ้นสีฟ้าและสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำชาติของยูเครน

มีการติดธงชาติไว้ที่ด้านนอกโรงเรียน โรงพยาบาล และร้านค้าต่าง ๆ ประชาชนเปิดเพลงชาติ และเพลงปลุกใจอื่น ๆ เนื่องในวันแห่งเอกภาพของยูเครน

“ธงเหล่านี้ติดอยู่นี่เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า เราไม่เกรงกลัวใคร พวกเขาไม่ได้ทำให้เราหวาดหวั่น” คนที่ดูแลด้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่งบนถนนสายหลักในกรุงเคียฟกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ธงที่มีความยาว 200 เมตร เคลื่อนไปตามขบวนพาเหรดในสนามกีฬาโอลิมปิกแห่งชาติ และฝูงชนจำนวนมากออกมาร่วม “สวนสนามแห่งเอกภาพ” ในกรุงเคียฟ นายเซเลนสกี ได้ประกาศให้วันที่ 16 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า อาจจะเป็นวันที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน ให้เป็น “วันแห่งเอกภาพ” ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนทั้งประเทศเมื่อ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา

มีทหารรัสเซียประจำการที่พรมแดนยูเครนมากแค่ไหน

รัสเซียได้เคลื่อนกำลังทหารไปประจำการหลายจุดตามแนวพรมแดนที่ติดกับยูเครน แต่การทราบจำนวนที่แน่ชัดเป็นเรื่องยาก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตะวันตกระบุว่า จำนวนทหารของรัสเซียได้เพิ่มเป็น 130,000 นายแล้ว จากประมาณการเดิมซึ่งอยู่ที่ 100,000 นาย แต่ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันอังคาร (15 ก.พ.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ระบุตัวเลขนี้สูงขึ้นไปอีกที่ 150,000 นาย

แม้ว่ารัสเซียระบุว่า กำลังเริ่มถอนกำลังทหาร รวมถึงยุติการฝึกซ้อมทางทหารในไครเมีย แต่ก็ไม่เปิดเผยตัวเลข เรารู้ว่า ทหารรัสเซียประจำการอยู่ที่ตำแหน่งใดบ้าง และมีทหารจากหน่วยต่าง ๆ เดินทางมาจากทั่วประเทศเพื่อมาเสริมกำลังทหาร 35,000 นายซึ่งประจำการถาวรอยู่ใกล้กับพรมแดนของยูเครน กำลังทหารที่ส่งเข้ามาใหม่นี้รวมถึงทหาร 30,000 นายที่เข้าร่วมการซ้อมในเบลารุส ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.พ. นี้ด้วย ที่มา BBCThai