ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าไทยเพิ่มเติม เพื่อช่วยนักท่องเที่ยวลดค่าใช้จ่ายและระยะกักตัว แม้ว่ายอดติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น และกระทรวงสาธารณสุขยกระดับเตือนภัยจากโรคโควิด-19 เป็นระดับ 4 แต่ยืนยันว่าปริมาณเตียงมีอย่างเพียงพอ

 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในวันนี้ (23 ก.พ.) เพิ่มอีก 21,232 ราย และเสียชีวิตทั้งหมด 39 ราย ทำให้ตัวเลขโดยรวมนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา อยู่ในอัตราเสียชีวิตอยู่ที่ 0.19% ยังถือว่าต่ำ หากพิจารณาเปรียบเทียบกับยอดสะสมนับตั้งแต่ปี 2563 อัตราการเสียชีวิตก็อยู่ที่ 0.82% เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตในระลอกล่าสุดส่วนใหญ่ 80% เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 และกระจุกตัวอยู่ในภาคอีสานและกรุงเทพมหานคร ที่มีการติดเชื้อมากขึ้น

นพ. ทวีศิลป์กล่าวว่า นี่สะท้อนให้เห็นว่า ความรุนแรงของโควิด-19 ลดน้อยถอยลงไป ในขณะเดียวกันมาตรการรักษาของไทยจะตรวจพบด้วย RT-PCR หรือการตรวจด้วย ATK ก็นำผู้ป่วยเข้าสู่การรักษา โดยภาพรวมของผู้เข้ารับการรักษาตัวจะอยู่ที่ 173,605 ราย แบ่งเป็นรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 71,414 ราย และโรงพยาบาลสนามอีก 102,191 ราย ส่วนผู้ป่วยอาการหนักมีทั้งหมด 882 ราย ในจำนวนนี้ใส่เครื่องช่วยหายใจ 229 ราย

graphic

หากพิจารณาจากแผนภูมิการคาดการณ์ฉากทัศน์ที่นำเสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข เปรียบเทียบกับสถานการณ์จริงที่กำลังเกิดขึ้นจะพบว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ทะลุเส้นสีแดง ซึ่งฉากทัศนที่คาดการณ์บนพื้นฐานที่ยอดผู้ติดเชื้อราว 15,000-20,000 รายต่อวัน โฆษก ศบค. ยอมรับว่า จากยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็นหลักหลายหมื่นราย ก็ส่งให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นตามด้วย แม้ว่าเส้นกราฟรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจะยังอยู่ใต้เส้นที่เขียว ซึ่งเป็นฉากทัศน์สถานการณ์ที่ดีที่สุด แต่ก็มีแนวโน้มที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นมา โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่รับวัคซีนเข็มที่สาม หรือ เข็มกระตุ้น

ทรัพยากรเตียงเพียงพอหรือไม่

จากแนวโน้มดังกล่าว สังคมจึงมีคำถามที่ว่าปริมาณเตียงในโรงพยาบาลมีเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ นพ. ทวีศิลป์กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานถึงสถานการณ์เตียงว่า โดยภาพรวมยังคงเพียงพอและสามารถรองรับผู้ป่วยได้ โดยอัตราครองเตียง ณ วันที่ 22 ก.พ. ยังอยู่ที่ 49.1% ของเตียงทั่วประเทศ 180,208 เตียง

พยาบาลดูแลผู้ป่วยโควิด
 

ขณะที่อัตราการครองเตียงระดับที่ 1 สำหรับผู้ป่วยน้อย (สีเขียว) ยังอยู่ที่ 55.7% อัตราครองเตียงสำหรับผู้ป่วยหนัก ระดับ 2.1 และ 2.2 (สีเหลือง) อยู่ที่ 20.1% และ 12.1% ตามลำดับ ส่วนอัตราการครองเตียงสำหรับผู้ป่วยวิกฤต ระดับ 3 (สีแดง) อยู่ที่ 18.6% “ส่วนผู้ป่วยอาการน้อย ๆ เราอยากจะให้อยู่ในศูนย์แยกกักของชุมชน ซึ่งขณะนี้มียอดการลงทะเบียนรับการดูแลนอกสถานพยาบาลอยู่ที่ 21,210 ราย และอยู่ในระบบแยกกักตัวที่บ้านที่ลงทะเบียนแล้ว 47,373 ราย” นพ. ทวีศิลป์กล่าว

ปรับมาตรการเข้าประเทศเพิ่มเติมอย่างไร

ที่ประชุม ศบค. ยังมีมติปรับมาตรการการเข้าประเทศเพิ่มเติมเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว รวมทั้งระยะเวลาในการรอผลการตรวจหาเชื้อด้วย โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทางอากาศและทางบก

passenger

สิ่งที่เปลี่ยนไป ประกอบด้วย

  • ผู้เดินทางสามารถแสดงหลักฐานการจ่ายค่าที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+++ จำนวน 1 คืนเพื่อรอผลตรวจ RT-PCR จากเดิมที่จะต้องใช้หลักฐานการจ่ายค่าที่พักตามมาตรฐานจำนวน 2 คืน
  • ลดวงเงินคุ้มครองประกันภัยลงจากเดิมไม่น้อยไปกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาเป็นไม่น้อยไปกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  • เปลี่ยนวิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางมาถึงไทยในวันที่ 5 จากเดิมที่กำหนดให้เป็นการตรวจ RT-PCR มาเป็นการใช้ผลตรวจ ATK ด้วยตัวเองแทน

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับตั้งแต่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป

การเตือนภัยระดับ 4 จากโรคโควิด-19 เป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตาม จากที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ประกาศเตือนภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขได้แบ่งระดับการเตือนภัยจากโรคโควิด-19 พร้อมทั้งคำแนะนำประชาชน และสถานประกอบการในปี 2565 ออกเป็น 5 ระดับดังนี้

  • ระดับที่ 1: บุคคลทั่วไปสามารถใช้บริการได้ทุกแห่ง และร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากได้แบบ New Normal การเดินทางข้ามพื้นที่หรือต่างจังหวัด หรือต่างประเทศสามารถโดยสารระบบขนส่งสาธารณะได้ปกติ
  • ระดับที่ 2 : สำหรับกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ให้งดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ระบบปิดหรือแออัด เลี่ยงการร่วมกิจกรรมที่รวมกลุ่มเป็นจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท เลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ หากเดินทางเข้าประเทศจำเป็นต้องกักตัว
  • ระดับที่ 3: บุคคลทั่วไป งดเข้าสถานบันเทิงและเลี่ยงเข้าสถานที่ระบบปิดและแออัดและเลี่ยงเดินทางไปต่างประเทศ หากเดินทางจากต่างประเทศจำเป็นต้องกักตัว ส่วนกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เลี่ยงกิจกรรมที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก เสี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท งดเดินทางต่างประเทศ
  • ระดับที่ 4: บุคคลทั่วไปงดทานอาหารร่วมกัน งดดื่มสุราในร้านและงดเข้าสถานที่เสี่ยงทุกประเภท เลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่นนอกบ้าน งดร่วมกิจกรรมกลุ่ม งดการเดินทางโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท งดการเดินทางไปยังต่างประเทศ หากเดินทางกลับจากต่างประเทศจำเป็นต้องกักตัว
  • ระดับที่ 5: บุคคลทั่วไป งดออกนอกบ้าน ยกเว้นด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำรงชีวิต เช่น การตรวจรักษาโรค ซื้ออาหารและของใช้ งดรวมกลุ่มเกิน 5 คน สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้งดใกล้ชิดกับคนในบ้าน หากจำเป็นต้องออกจากบ้านให้ใช้รถยนต์ส่วนตัวและผ่านกระบวนการคัดกรอง ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ แต่หากกรณีเดินทางกลับจากต่างประเทศจำเป็นต้องกักตัว
593 Views