ชาวโรฮิงญา 59 คนถูกค้นพบบนเกาะแห่งหนึ่งในไทย โดยระบุว่าพวกเขาถูกผู้ค้ามนุษย์ละทิ้งระหว่างทางไปมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง กล่าวเมื่อวันอาทิตย์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักปาน กลุ่มดังกล่าว ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็ก 5 คน ถูกพบบนเกาะดง จังหวัดสตูล ทางตอนใต้ของประเทศเมื่อวันเสาร์
ในแต่ละปี ชาวโรฮิงญาที่เป็นชนกลุ่มน้อยเป็นมุสลิมหลายพันคน ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนักในเมียนมาร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ เสี่ยงชีวิตกับการเดินทางราคาแพงเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อไปถึงมาเลเซียเหนือทะเลไทย
ตำรวจกล่าวว่าพวกเขาถูกตั้งข้อหาเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และอาจเผชิญกับการส่งตัวกลับเมียนมาร์ภายหลังคดีในศาล
“เรากำลังให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และจะสอบสวนว่าพวกเขาตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือไม่ หรือเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย” สุรเชษฐ์ กล่าว
กลุ่มนี้ดูเหมือน “หิวโหยและมีแนวโน้มที่จะไม่มีอาหารเป็นเวลาสามถึงห้าวัน” คำแถลงของตำรวจกล่าว
ลูกเรือของเรือจึงตัดสินใจละทิ้งผู้ที่อยู่บนเรือบนเกาะดง โดยบอกว่าพวกเขามาถึงมาเลเซียแล้ว กลุ่มบอกกับเจ้าหน้าที่
เหตุการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพบศพของชาวโรฮิงญา 14 คน รวมทั้งเด็ก ถูกพบเกยตื้นบนชายหาดเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่พวกเขาพยายามหลบหนีออกจากเมียนมาร์
ชาวโรฮิงญาหลายแสนคนหลบหนีการปราบปรามของทหารในประเทศในปี 2560 โดยนำเรื่องราวที่บาดใจเกี่ยวกับการฆาตกรรม การข่มขืน และการลอบวางเพลิงมาด้วย
ผู้ที่ยังคงอยู่ในเมียนมาร์ถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุกจากบังกลาเทศ และส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธไม่ให้สัญชาติ สิทธิมากมาย และการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและการศึกษา
มาเลเซียซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับชาวโรฮิงญาที่หนีการกดขี่ข่มเหงในเมียนมาร์หรือค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ
ในปี 2019 กัปตันเรือไทยถูกตั้งข้อหาลักลอบนำเข้าชาวโรฮิงญา 65 คนจากเมียนมาร์ หลังจากเรือของพวกเขาถูกเรืออับปางบนเกาะนอกชายฝั่งของจังหวัดสตูล
พื้นที่เดียวกันนี้เป็นศูนย์กลางของเส้นทางค้ามนุษย์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ซึ่งคลี่คลายไปในปี 2558 หลังจากการค้นพบหลุมศพจำนวนมากของชาวโรฮิงญาและผู้อพยพชาวบังกลาเทศตามแนวชายแดนกับมาเลเซีย