ทหารไทยได้แต่ยืนมอง
รายงานจากผู้สื่อข่าววานนี้ 30 มิ.ย. ระบุว่า ทหารเมียนมาส่งบินรบล้ำมาในเขตไทยใช้เวลาปฏิบัติการประมาณ 15 นาที ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยในพื้นที่ได้แต่ยืนมอง โดยไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่มีเครื่องบินของไทยออกไปป้องกันน่านฟ้า
ก่อนหน้าที่เครื่องบินเมียนมาจะปฏิบัติการทางอากาศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเครื่องบินตรวจการณ์ของทหารเมียนมาบินวนหลายรอบ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ ไปส่งเสบียงอาหารที่ฐานบ้านวาเล่ย์ของทหารเมียนมา จากนั้นก็มีเครื่องบินรบมิก 29 บินวนในฝั่งเมียนมายิงจรวดใส่ฝ่ายต่อต้าน ก่อนจะล้ำเข้ามาในน่านฟ้าไทยอย่างชัดเจน และทำให้ชาวบ้านแตกตื่น
ชาวบ้านในหมู่บ้านวาเล่ย์ใต้ บอกว่า จากการสู้รบที่ผ่านมาหลายวัน เครื่องบินของทหารเมียนมาไม่เคยล้ำมาน่านฟ้าเขตไทย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ขณะที่บางคนบอกว่าเครื่องบินทหารเมียนมาบินเข้ามาในหมู่บ้านต่ำมาก ใกล้กับหลังคาบ้านจนน่ากลัว
ด้านองค์การบริหารส่วนตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งประชาชนในพื้นที่ว่าหากไม่มีที่หลบภัยหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย สามารถมาพักชั่วคราว ณ ที่ทำการ อบต. ได้ พร้อมออกประกาศปิดการเรียนการสอนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของตำบลจำนวน 5 แห่งในวันที่ 1 ก.ค. จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ
ย้อนเหตุโกลาหลที่อำเภอพบพระ
สำหรับบรรยากาศใน อ.พบพระ จ.ตาก วันนี้ 1 กรกฎาคม สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี ผู้สื่อข่าวพิเศษบีบีซีไทย รายงานว่า กองกำลังนเรศวรได้สั่งการให้ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 อ.แม่สอด เสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณด้าน อ.พบพระ จ.ตาก
ส่วนโรงเรียนบ้านวาเล่ย์เหนือต้องปิดโรงเรียนมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 2 วัน และจะเปิดเรียนตามปกติ ในวันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 65 หลังวานนี้ 30 ก.ค. ปรากฎภาพครู-นักเรียนตื่นตระหนก และรีบวิ่งหนีลงหลุมหลบภัย
ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงได้เข้ามาในหมู่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้านกว่า 1,000 คน ส่วนหนึ่งไปอาศัยอยู่ในวัดในหมู่บ้านที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ และบางส่วนไปอาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดน
วานนี้ 30 มิถุนายน 2565 ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ทหารเมียนมาได้ส่งเครื่องบินรบบินล้ำเข้ามาเขตไทยจำนวน 1 ลำ ลึกเข้ามาถึงบ้านวาเล่ย์ใต้ และบ้านวาเล่ย์เหนือ ประมาณ 4-5 กิโลเมตร จนมองเห็นใกล้ เพื่ออ้อมไปยิงจรวดใส่ที่มั่นฝ่ายต่อต้านฝั่งเมียนมาประมาณ 4 รอบ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการสู้รบะหว่างทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงกองพลน้อยที่ 6 กองกำลังเคเอ็นดีโอ และกองกำลังพีดีเอฟของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government: NUG) บริเวณบ้านอูเกรทะ ใน อ.สุการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ของเมียนมา ยังคงมีการสู้รบอย่างหนัก ซึ่งเป็นบริเวณตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก
ภายหลังตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย กองทัพอากาศไทย ชี้แจงว่าได้นำเครื่องบิน F-16 ขึ้นบินลาดตระเวนรบบริเวณแนวชายแดน และสั่งทูตทหารในกรุงย่างกุ้งประสานกับทางการเมียนมาเพื่อแจ้งเตือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เครื่องบินรบบินล้ำเข้ามาเขตไทยท่ามกลางเสียงระเบิดฝั่งเมียนมา ทำให้ประชาชนไทยในหมู่บ้านวาเล่ย์ทั้ง 2 หมู่บ้าน แตกตื่นตะโกนลั่นด้วยความกลัว ชาวบ้านที่มีหลุมหลบภัยในบ้านได้หนีไปหลบในหมู่บ้าน ขณะที่ทางโรงเรียนบ้านวาเล่ย์ใต้ ได้ประกาศฉุกเฉินให้ผู้ปกครองไปรับบุตรหลานกลับบ้าน และโรงเรียนประกาศหยุดเรียนทันที เนื่องจากเครื่องบินรบเมียนมาบินผ่านหลังคาอาคารเรียนของโรงเรียน
ส่วนที่โรงเรียนบ้านวาเล่ย์เหนือ ได้กดออดให้สัญญาณนักเรียนหนีเข้าไปยังหลุมหลบภัยของโรงเรียน และยังมีชาวบ้านไปร่วมด้วย
เอกสารเผยแพร่ข่าวของกรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ระบุว่า ตรวจพบเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติภารกิจอยู่ห่างจากแนวชายแดนบริเวณดังกล่าว ระยะทางประมาณ 5 ไมล์ทะเล แต่มิได้ล้ำแดนมายังพื้นที่ประเทศไทยแต่อย่างใด
พล.อ.ต. ประภาส กล่าวว่า กองทัพอากาศจึงได้มีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 หรือ F-16 จำนวน 2 เครื่อง ขึ้นบินลาดตระเวนรบทางอากาศทันที บริเวณแนวชายแดน อ.พบพระ และได้สั่งการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ ย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อแจ้งเตือนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงได้เข้ามาในหมู่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้านกว่า 1,000 คน ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งไปอาศัยอยู่ในวัดในหมู่บ้านที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ และบางส่วนไปอาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดน
ชาวบ้านที่ลี้ภัยมาจากฝั่งเมียนมารายหนึ่ง บอกว่า มีชาวบ้านและทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ในขณะที่ฝ่ายทหารเมียนมาส่งเครื่องบินยิงลงในหมู่บ้าน ทำให้ต้องหนีมาอยู่ตามตะเข็บชายแดน อย่างไรก็ดี ข้อมูลนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบและยืนยันได้แน่ชัด
ขณะที่ฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมาสามารถยึดอาวุธปืนนานาชนิด และกระสุนปืน รวมทั้งยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ของทหารเมียนมาได้จำนวนมาก หลังยึดค่ายอูเกรทะ อ.สุวารี จ.เมียวดี ตรงข้ามตำบลวาเล่ย์ ส่วนชาวไทยในหมู่บ้าน ยังไม่ทิ้งหมู่บ้านไปไหน แต่ก็เฝ้าระวัง เกรงว่า เครื่องบินรบเมียนมาจะมาอีก
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 65 ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย-เมียนมา จ. ตาก ได้แจ้งสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับ ฝ่ายต่อต้าน ว่าในห้วงวันที่ 26-28 มิ.ย. ว่า ได้ส่งผลกระทบต่อฝ่ายไทย โดยมีกระสุนไม่ทราบชนิด ไม่ทราบฝ่าย ข้ามมาตกยังฝั่งไทย บริเวณ พื้นที่ทำการเกษตร ของราษฎรบ้านวาเล่ย์ใต้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14ได้ทำการยิงเตือน ด้วยกระสุนควันไปยังฝั่งเมียนมาเพื่อให้ทราบว่า มีกระสุนข้ามมาตกในฝั่งไทย พร้อมทั้งได้ดำเนินการทำหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC)