นับวันยิ่งมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เข้าถือครอง Miss Universe เมื่อปีที่แล้ว ก็เริ่มแผนสปินออฟต่อยอดธุรกิจทันที ทั้งการเปิดตัวธุรกิจน้ำแร่ M*U NØR เจาะตลาดพรีเมียม และในปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวธุรกิจสกินแคร์และสปา มั่นใจทำรายได้ปี 2566 ได้กว่า 3.4 พันล้านบาท

ถึงกระนั้นทุกอย่างล้วนเป็นไปตามนโยบายการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม JKN Group ที่นำจุดแข็งของการจำหน่ายคอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียนเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ Miss Universe ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้

จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป หรือ JKN กล่าวว่า แบรนด์ Miss Universe เป็นที่ยอมรับของโลกมายาวนานกว่า 72 ปี จากนี้จะเข้ามาช่วยต่อยอดเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่านโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก

เมื่อไม่นานมานี้ได้เปิดตัวน้ำแร่อัลคาไลน์ภายใต้แบรนด์ M*U NØR ทำตลาด 5 รสชาติ โดยมี ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี รับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งถือเป็นสินค้ารายการแรกของเครือ Miss Universe หลังจากเข้าซื้อกิจการและลิขสิทธิ์ Miss Universe ได้สำเร็จ

และในช่วงเดือนตุลาคมนี้เตรียมเปิดตัวธุรกิจสกินแคร์และสปาเข้ามาเสริมพอร์ตธุรกิจ ผ่านรูปแบบการให้สิทธิ์แบรนด์ Miss Universe แก่บริษัท Miss Universe Skincare & Spa ที่จัดตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยได้รับค่าตอบแทนการให้สิทธิ์คิดเป็นมูลค่า 350 ล้านบาท และได้รับหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นคิดเป็นร้อยละ 30 ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ในระยะยาว

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัว Miss Universe Travel เพื่อดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวทั้ง Inbound และ Outbound จับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ซึ่งจะสามารถรองรับโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปีนี้

ยิ่งไปกว่านั้น จุดแข็งของการทำการตลาดคือการใช้เวทีประกวดนางงามจักรวาลที่มีตัวแทนจากสาวงามประเทศต่างๆ กว่า 96 ประเทศทั่วโลกส่งเข้าประกวด และมียอดผู้ชมการประกวดแต่ละปีมากกว่า 1,000 ล้านคน ช่วยมาช่วยสื่อสารแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง

“การเป็นนางงามวันนี้ นอกจากสวยแล้วจะต้องขายของได้ด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากฐานแฟนคลับอย่างมาก”

สำหรับโครงสร้างการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ MUO ประกอบไปด้วย
◼ รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ในการจัดประกวดที่เรียกเก็บจากแต่ละประเทศในการจัดการประกวดนางงามเพื่อหาตัวแทนเข้าร่วมประกวด Miss Universe
◼ รายได้จากค่า License ที่เรียกเก็บจากประเทศที่เป็นเจ้าภาพจัดการประกวด
◼ Production Fee รายได้จากการรับจ้างผลิตงานประกวด
◼ Broadcast Fee รายได้จากการให้ License ในการเผยแพร่สัญญาณการจัดการประกวดในแต่ละประเทศ
◼ Ticket Sales รายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมการประกวดทั้งงานอีเวนต์

ตามด้วยรายได้ที่เกิดจากผู้สนับสนุนการจัดการประกวด และ Licensing & Merchandising Fee รายได้จากการจำหน่ายสินค้า หรือให้สิทธิ์ผลิตสินค้าหรือบริการภายใต้แบรนด์หรือเครื่องหมายการค้าต่างๆ ของ MU

“เราเชื่อว่าศักยภาพของแบรนด์ Miss Universe จะทำให้ปี 2566 บริษัททำรายได้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งกลุ่มอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40%” จักรพงษ์กล่าว

137 Views