ข่าวเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจมาพร้อมกับคำถามในหลายประเทศทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ว่านโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ซึ่งจะเริ่มทำงานในปีหน้าจะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไรและมากน้อยแค่ไหน

รายงานเชิงวิเคราะห์ของสำนักข่าว AP หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีระบุว่า ขณะที่ประเทศในเอเชียทราบข่าวผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ พร้อมความโล่งใจและมีความหวังเรื่องการกลับมาให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจนั้น ขณะเดียวกันบางประเทศในเอเชียก็มีความกังวลและเกรงว่าอาจจะถูกละเลยความสนใจได้เช่นกัน

  • ท่าทีต่อจีน: ผ่อนคลายหรือแข็งกร้าว?

รายงานของเอพีเริ่มจากจีนซึ่งดูจะเป็นประเทศที่มีความสำคัญมากที่สุดในเอเชียในแง่ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยอาจารย์ Alexander Huang จากมหาวิทยาลัย Tamkang ในกรุงไทเป มองว่ารัฐบาลชุดใหม่ของประธานาธิบดีไบเดนจะมีท่าทีประจัญหน้ากับจีนน้อยลง และอาจจะเลือกไม่ใช้สงครามด้านการค้า

ขณะเดียวกัน ความพยายามที่จะปรับสัมพันธ์กับจีนปักกิ่งก็อาจเป็นผลให้วอชิงตันลดสุ้มเสียงเรื่องการสนับสนุนไต้หวันลง ถึงแม้สหรัฐฯ อาจจะไม่ละทิ้งพันธะผูกพันในการช่วยทำให้แน่ใจว่าไต้หวันจะสามารถปกป้องตนเองได้หากถูกคุกคามจากจีนปักกิ่ง

Chinese President Xi Jinping and Vice President Joe Biden walk down the red carpet on the tarmac during an arrival ceremony in Andrews Air Force Base, Md., Thursday, Sept. 24, 2015.
Chinese President Xi Jinping and Vice President Joe Biden walk down the red carpet on the tarmac during an arrival ceremony in Andrews Air Force Base, Md., Thursday, Sept. 24, 2015.

 

  • ความสัมพันธ์กับสองเกาหลี กับแนวโน้มที่เปลี่ยนไป

เอพีระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบปะกับนายคิม จอง อึน มาแล้วสามครั้ง ในลักษณะที่เป็นการประชุมสุดยอดเพื่อสร้างข่าว แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกาหลีเหนือยอมกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ของตน และคาดว่าผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่น่าจะใช้วิธีเจรจาที่เริ่มสร้างพื้นฐานจากความตกลงในระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานก่อน แต่ก็พร้อมจะใช้มาตรการลงโทษกับรัฐบาลกรุงเปียงยางหนักขึ้นจนกว่าเกาหลีเหนือจะยอมลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นรูปธรรม

เอพีตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นายคิม จอง อึน จะต้องปรับตัวยอมรับบุคคลซึ่งครั้งหนึ่งสื่อโฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือเคยโจมตีโดยใช้คำว่าเป็น “สุนัขบ้าที่จะต้องถูกตีให้ตาย”

และสำหรับเกาหลีใต้เอง เอพีก็เชื่อว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จะยอมรับข้อผูกพันตามสนธิสัญญาพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ มากกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศลดระดับการซ้อมรบลงฝ่ายเดียว รวมทั้งได้พร่ำบ่นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่สหรัฐฯ ต้องแบกรับสำหรับการมีทหารอเมริกัน 28,500 คนเพื่อช่วยปกป้องเกาหลีใต้จากการรุกรานของเกาหลีเหนือ

South Korean President Park Geun-hye, right, shakes hands with U.S. Vice President Joe Biden before their meeting at the presidential Blue House in Seoul, South Korea, Friday, Dec. 6, 2013.
South Korean President Park Geun-hye, right, shakes hands with U.S. Vice President Joe Biden before their meeting at the presidential Blue House in Seoul, South Korea, Friday, Dec. 6, 2013.

 

  • ลอยแพญี่ปุ่น เผชิญหน้าจีนตามลำพัง?

เอพีมองว่า นโยบายของโจ ไบเดน ที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมจะมีส่วนช่วยบริษัทของญี่ปุ่นซึ่งทำธุรกิจในด้านนี้ อย่างไรก็ตาม อาจารย์ Hiro Aida ของมหาวิทยาลัย Kansai ก็เกรงว่า ขณะที่วอชิงตันต้องยุ่งอยู่กับการฟื้นฟูตัวเองนั้น อเมริกาอาจไม่สามารถช่วยดูแลประเทศอื่นได้เท่าที่ควร

ส่วนนาย Peter Tasker นักวิเคราะห์ของ Arcus Research ก็บอกว่า ญี่ปุ่นอาจจะถูกปล่อยให้ต้องเผชิญหน้ากับจีนตามลำพัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องกรณีพิพาทด้านดินแดนในทะเลจีนตะวันออกที่มีอยู่กับจีน

U.S. Vice President Joe Biden (L) shakes hands with Japan's Prime Minister Shinzo Abe at the end of their joint news conference following their meeting at the prime minister's official residence in Tokyo, Dec. 3, 2013. Biden urged Japan and China to lower
U.S. Vice President Joe Biden (L) shakes hands with Japan’s Prime Minister Shinzo Abe at the end of their joint news conference following their meeting at the prime minister’s official residence in Tokyo, Dec. 3, 2013. Biden urged Japan and China to lower

 

  • เหล้าเก่าในขวดใหม่: อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

การวิเคราะห์ของเอพีเชื่อว่าการเปลี่ยนผู้นำสหรัฐฯ จะเป็นประโยชน์อย่างน้อยในด้านการค้าแบบทวิภาคี เช่น ในเรื่องผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของออสเตรเลียและสินค้าประเภทนมและเนื้อวัวจากนิวซีแลนด์ ภายใต้หลักการการค้าเสรีของสหรัฐฯ

สำหรับอินเดีย นาย Michael Kugelman รองผู้อำนวยการโครงการเอเชียศึกษาของสถาบัน Wilson Center ในกรุงวอชิงตัน ชี้ว่า รัฐบาลของโจ ไบเดน จะให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่องการปฎิบัติด้านสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อย และเสรีภาพของการนับถือศาสนาในอินเดียซึ่งถูกละเลยในช่วงของประธานาธิบดีทรัมป์ และคาดว่าทั้งสหรัฐฯ กับอินเดียคงจะทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อต้านทานอำนาจของจีนในเอเชีย

U.S. Vice President Joe Biden (R) and Sushma Swaraj, a leader of India's main opposition Bharatiya Janata Party (BJP), smile as they pose before their meeting in New Delhi July 23, 2013. U.S. business groups on Monday urged Biden to press India's leaders
U.S. Vice President Joe Biden (R) and Sushma Swaraj, a leader of India’s main opposition Bharatiya Janata Party (BJP), smile as they pose before their meeting in New Delhi July 23, 2013. U.S. business groups on Monday urged Biden to press India’s leaders

 

  • ความสำคัญของอาเซียนกับการคานอำนาจจีน

ทางด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจารย์ Bridget Welsh นักวิจัยกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัย Nottingham ในมาเลเซีย เชื่อว่าพลังอำนาจของสหรัฐฯ คงจะไม่เหมือนเดิม เพราะหลายประเทศในเอเชียหันไปพึ่งจีนเรื่องการลงทุนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจมากขึ้น และว่า อาจจะต้องใช้เวลาสำหรับสหรัฐฯ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา

นอกจากนั้นอาจารย์ Bridget Welsh ยังมองว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนจะใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศที่มีผู้ปกครองแนวอำนาจนิยม อย่างเช่นในฟิลิปปินส์และประเทศไทยด้วย

U.S. Vice President Joe Biden, right, watches a maneuver with Cmdr. Tim Wilke, commanding officer of the USS Freedom, the U.S. Navy's first littoral combat ship on rotational deployment at Changi Naval Base, in Singapore Saturday, July 27, 2013.
U.S. Vice President Joe Biden, right, watches a maneuver with Cmdr. Tim Wilke, commanding officer of the USS Freedom, the U.S. Navy’s first littoral combat ship on rotational deployment at Changi Naval Base, in Singapore Saturday, July 27, 2013.

 

  • แรงกดดันทางประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนต่อประเทศไทย

ในส่วนที่เกี่ยวกับไทยนั้น รองศาสตราจารย์ธิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความเห็นไว้ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ว่า เมื่อเทียบกับรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งมีแรงจูงใจเรื่องผลประโยชน์มากกว่าค่านิยมแล้ว รัฐบาลใหม่ของประธานาธิบดีไบเดนน่าจะให้ความสำคัญกับความเป็นมืออาชีพและปรับความสมดุลย์ในเรื่องผลประโยชน์กับค่านิยมมากกว่ารัฐบาลชุดก่อน

และว่า รัฐบาลของโจ ไบเดน จะมีแนวทางที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในการกำหนดนโยบายเหมือนสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามา และจะอาศัยกลไกด้านการทูตมากขึ้น

Vice President Joe Biden signed a book of condolences at the Thai Embassy in Washington, D.C. to mourn the passing of Thai King Bhumibol Adulyadej on October 18, 2016.

ย้อนชมชุดภาพ ‘โจ ไบเดน’ ลงนามสมุดถวายอาลัย ร.9

 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของไบเดนจะถูกทดสอบโดยจีน คือหากประธานาธิบดีโจ ไบเดนอ่อนข้อกับจีนเหมือนสมัยประธานาธิบดีโอบามาแล้วเ ราจะได้เห็นการแผ่ขยายอำนาจของจีนในเอเชียมากขึ้น

และเชื่อว่าชัยชนะของโจ ไบเดน ก็น่าจะส่งผลดีต่อพลังที่เรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทยด้วย

VOAThai

1,272 Views