2 ชนิดคืบหน้าสุด mRNAจากศูนย์วัคซีนจุฬาฯ และชนิด DNAของบริษัทไบโอเนทฯ โดยผลศึกษาในสัตว์ทดลองขั้นแรกน่าพอใจ เตรียมจะวิจัยในคนต่อ อย.พร้อมขึ้นทะเบียนหากสำเร็จ พร้อมสนับสนุนทุกขั้นตอนของการทดลอง หากมีการข้ามขั้นตอนเพื่อความรวดเร็ว เน้นยึดมาตรฐานสากล ความปลอดภัยสำคัญสุด
สำหรับประเทศไทยมีวัคซีนที่อยู่ในรายชื่อตามประกาศขององค์การอนามัยโลก 6 รายการ ซึ่งในจำนวนนี้มีวัคซีนจาก 2 หน่วยงานที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนามากที่สุดคือ วัคซีนชนิด mRNA จากศูนย์วัคซีนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวัคซีนชนิด DNA ของบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด โดยมีผลการศึกษาในสัตว์ทดลองขั้นแรกเป็นที่น่าพอใจ และจะเริ่มวิจัยในมนุษย์ต่อไป
ทั้งนี้ อย.ได้เตรียมความพร้อมรองรับการขึ้นทะเบียนวัคซีน โดยยึดหลักความรวดเร็ว ขณะเดียวกันต้องเป็นไปตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญต้องปลอดภัย โดย อย.ได้เข้าไปร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่ดำเนินการวิจัยตั้งแต่เริ่มโครงการ และมีการติดตามความก้าวหน้าในทุกกระบวนการอย่างใกล้ชิด ทั้งการให้คำแนะนำ รวมถึงวางแผนไปจนจบกระบวนการที่จะสามารถผลิตเป็นวัคซีนออกมาได้ เพื่อให้ทุกขั้นตอนถูกต้องและเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล
อย่างไรก็ตาม อย.ทราบถึงความจำเป็นของสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคที่ต้องมีวัคซีนมาใช้โดยเร็ว กรณีบางขั้นตอนหากผู้วิจัยคิดว่าอาจจะไม่จำเป็นหรือสามารถข้ามขั้นตอนนั้นไปได้ อย.พร้อมให้การพิจารณาสนับสนุนให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่เน้นย้ำว่าในการข้ามขั้นตอนนั้นจะต้องมีข้อมูลวิชาการมายืนยัน และต้องมีมาตรฐานไปในทิศทางเดียวกับกติกาสากลขององค์การอนามัยโลก
รองเลขาฯอย.กล่าวว่า นอกจากการสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศแล้ว อย.ยังได้ติดตามสถานการณ์การพัฒนาวัคซีนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการขึ้นทะเบียนในสถานการณ์เร่งด่วนกรณีที่มีการทดลองวัคซีนในมนุษย์สำเร็จ ทั้งนี้ เน้นย้ำว่า อย. มุ่งสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 โดยวัคซีนต้องมีความปลอดภัย ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ขอให้เชื่อมั่นในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติทะเบียนเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค
ที่มา : สยามรัฐ