หลังอังกฤษให้ผับกลับมาเปิดบริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. จอห์น แอปเตอร์ ประธานสหภาพตำรวจอังกฤษและเวลส์ระบุว่า “เห็นได้ชัด” ว่าคนเมาไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้
นายแอปเตอร์ บอกว่า เขาต้องจัดการกับ “ชายโป๊เปลือย คนเมาแบบมีความสุข คนเมาแบบโกรธเกรี้ยว และก็คนเมาแบบโกรธเกรี้ยวอีก” ขณะเข้าเวรในเมืองเซาธ์แฮมป์ตัน
อย่างไรก็ดี ตำรวจออกมาขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ประพฤติตัวอย่างมีความรับผิดชอบขณะออกมาเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดการล็อกดาวน์นานสามเดือน
ด้านนายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสหราชอาณาจักร บอกว่า คนส่วนใหญ่ประพฤติตัวอย่างมีความรับผิดชอบ
เขาบอกกับช่องสกายนิวส์ว่า “โดยรวมแล้ว ผมพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ดีมากเลยที่ได้เห็นคนออกมาเที่ยว และส่วนใหญ่ก็รักษาระยะห่างทางสังคม”
นอกจากนี้ ร็อบ มัวร์ จากหน่วยรถฉุกเฉินเวสต์มิดแลนด์ส (West Midlands Ambulance Service) บอกว่า การเข้าเวรเมื่อคืนวานเป็นไปอย่างปกติ ไม่ได้มีเหตุรุนแรงผิดปกติ และ “หวังว่านี่จะเป็นสัญญาณว่าคนเชื่อฟังคำแนะนำ”
คนหลายร้อยมารวมตัวกันที่เขตโซโห(Soho) อันเป็นย่านท่องเที่ยวดังในกรุงลอนดอน และก็มีรูปภาพแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเฉลิมฉลองไปจนถึงเช้ามืดวันอาทิตย์
อย่างไรก็ดี ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนบอกว่า “ไม่มีเหตุร้ายแรง” เกิดขึ้นในเมืองหลวง
ตำรวจเมืองเดวอนและคอร์นวอลล์ได้รับแจ้งความว่า 1,000 เหตุ ซึ่งส่วนใหญ่มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์
ทางตอนเหนือของมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ มีคน 4 คนถูกจับกุมตัว ขณะที่ผับหลายแห่งตัดสินใจปิดร้านหลังจากเกิดเหตุที่มาจากการมึนเมา
อย่างไรก็ดี หน่วยปฏิบัติการรับมือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ไม่ต้องทำงานหนักอย่างที่กังวลไว้ว่าจะเหมือนวันฉลองต้อนรับวันปีใหม่
แต่นายแอปเตอร์ จากสหภาพตำรวจอังกฤษและเวลส์ บอกว่า “สิ่งที่เห็นชัดเจนคือคนเมาทั้งไม่สามารถและจะไม่ยอมรักษาระยะห่างทางสังคม”
“เป็นคืนที่งานค่อนข้างยุ่งแต่เจ้าหน้าที่ที่อยู่เวรก็รับมือได้ ผมได้ยินมาว่าในพื้นที่อื่นมีเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้าย”
ทางการอังกฤษยังแนะนำให้ประชาชนรักษาระยะห่าง 2 เมตรระหว่างกันอยู่ แต่ข้อบังคับใหม่ระบุว่าให้รักษาระยะห่าง “1 เมตรขึ้นไป” ได้ โดยพวกเขาสามารถเข้าใกล้กันได้หากใช้มาตรการป้องกันอื่น ๆ เช่นใส่หน้ากากอนามัย หรือว่าไม่หันหน้าเข้าหากันตรง ๆ
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี และทีมผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาล เรียกร้องให้ประชาชนรักษากฎระเบียบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดระลอกที่สอง
ดร.คริส สมิธ นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ บอกว่า คนส่วนใหญ่มีความรับผิดชอบ แต่ก็เตือนให้ทุกคนระมัดระวัง โดยยกตัวอย่างเมืองเลสเตอร์ หรือเมลเบิร์นในออสเตรเลีย ที่ทางการสั่งล็อกดาวน์ใหม่เป็นเฉพาะพื้นที่
“อยากเตือนให้คนดูสิ่งที่เกิดขึ้นรอบโลก” ดร.สมิธ บอกกับรายการ BBC Breakfast
“เรากลับไปหลงทิศเหมือนเดิมได้ง่าย ๆ หากเราไม่ระมัดระวัง เพราะมัน(ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่) ยังไม่ได้หายไป”
นอกจากผับแล้ว อังกฤษให้สถานที่ต่าง ๆ กลับมาเปิดทำการได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม โรงภาพยนตร์ และสวนสนุก เป็นต้น
ที่มา : ข่าวสด