ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังอังกฤษเป็นหนึ่งในชาติที่เผชิญกับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 รุนแรงที่สุดในยุโรป ทำให้เศรษฐกิจหดตัวมหาศาล และประชาชนประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิต นำไปสู่การปรับลดงบที่ไม่จำเป็น และแนวคิดปฏิรูปกองทัพ เพื่อนำเงินไปบริหารจัดการกับสถานการณ์โรคระบาด

พัฒนาการรถถังของอังกฤษ

หนึ่งในหน่วยรบที่รัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณายุบ ได้แก่ หน่วยรถถังชาเลนเจอร์ ทู และรถหุ้มเกราะอื่น ที่เป็นหน่วยยานเกราะกำลังหลักของกองทัพบก เนื่องจากปัจจุบันอังกฤษมองว่า มีความล้าสมัย และสงครามไซเบอร์เป็นแนวรบใหม่ที่กองทัพต้องมุ่งความสำคัญมากกว่า

รายงานระบุว่า รถถังชาเลนเจอร์ ทู เข้าประจำการเป็นกำลังหลักในกองทัพบกอังกฤษตั้งแต่ปลายปีค.ศ. 1990 มีทั้งหมด 227 คัน และเคยใช้ในภารกิจทางทหารในประเทศอิรักมาแล้ว ส่วนรถถัง เดอะ วอร์ริเออร์ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่านั้นมีอยู่ราว 400 คัน เข้าประจำการตั้งแต่ปีค.ศ. 1980

ทหารอังกฤษหนีออกจากรถถังวอร์ริเออร์ที่ถูกยิงในสงครามอิรัก

การพิจารณาดังกล่าวยังสอดคล้องกับสิ่งที่อังกฤษเคยระบุกับชาติพันธมิตรในองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ว่าต้องการลดขนาดกองทัพบกลง และเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการรบทางอากาศ และสงครามไซเบอร์มากขึ้น

แหล่งข่าวจากภายในรัฐบาลอังกฤษ ระบุว่า ตระหนักดีว่าการป้องกันความมั่นคงของอังกฤษนั้นจำเป็นต้องผ่านการตัดสินใจที่ใช้ความกล้าหาญ และปรับสัดส่วนของงบประมาณกลาโหมใหม่ให้ทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่

นางเพนนี มอร์ดันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า อังกฤษกำลังตกเป็นรองชาติอื่นๆ ในด้านความทันสมัยของยุทโธปกรณ์

“ชาเลนเจอร์ ทู เข้าประจำการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1988 และไม่เคยได้รับการปรับปรุงใดๆ ขณะที่ทางเยอรมนี เดนมาร์ก และสหรัฐอเมริกานั้นเคยอัพเกรดรถถังของตัวเองไปแล้วถึง 2 ครั้ง ส่วนรัสเซียมีรุ่นอื่นออกมาอีก 5 รุ่น และรุ่นที่ 6 กำลังจะออกมาเร็วๆ นี้” และว่า

“วอร์ริเออร์ นี่ยิ่งล้าสมัยเข้าไปอีกค่ะ เก่ากว่ารถถังอื่นของพันธมิตรเราประมาณ 20 ปี เพราะตั้งแต่ปีค.ศ. 1988 สหรัฐฯ และเยอรมนี เคยปรับปรุงใหม่ไปแล้วถึง 4 ครั้ง ส่วนรัสเซียมีออกรุ่นใหม่มาถึง 3 รุ่น” มอร์ดันต์ ระบุ

หนึ่งในนักวิเคราะห์อาวุโสจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุว่า อังกฤษจะไม่สามารถถูกมองได้ว่าเป็นกำลังหลักและชาติผู้นำของนาโต้ หากแสนยานุภาพการต่อสู้ในระยะใกล้ต่ำ เพราะมีกำลังน้อยกว่าชาติอื่น อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี โปแลนด์ และฮังการี

เทียบปริมาณรถถังของชาติมหาอำนาจ (1 คัน = 10 คัน)

ปัจจุบัน หน่วยรถถังของอังกฤษนั้นมีจำนวน 227 คัน เป็นรองอาร์เจนตินา (231 คัน) เยอรมนี (236 คัน) และยูกานดา (239 คัน) ส่วนที่มีมากที่สุดในโลก ได้แก่ รัสเซีย (12,950 คัน) สหรัฐฯ (6,333 คัน) อินเดีย (5,800 คัน) และจีน (4,665 คัน)

อย่างไรก็ตาม พลเอก เซอร์ ริชาร์ด บาร์รอนส์ อดีตผู้บัญชาการกองบัญชาการรบร่วม สนับสนุนการพัฒนาแสนยานุภาพ กล่าวว่า อนาคตของการรบนั้นอยู่ที่ยุทโธปกรณ์แบบมีพลขับและไร้พลขับ โดยแผนปฏิรูปดังกล่าว ทางกองทัพบกจะเก็บชาเลนเจอร์ ทู ไว้ใช้เฉพาะเหตุฉุกเฉิน

ทั้งนี้ ชาเลนเจอร์ ทู เป็นรถถังกำลังหลักของอังกฤษ ต่อยอดมาจากชาเลนเจอร์ วัน ที่เคยนำไปใช้ในยุทธการพายุทะเลทรายที่อิรัก และต่อมาชาเลนเจอร์ ทู ถูกนำไปใช้ในภารกิจสงครามอิรักเมื่อปีค.ศ. 2003

ชาเลนเจอร์ ทู ยังเคยถูกนำไปใช้ในสงครามบอสเนีย และโคโซโว ภายใต้ธงนาโต้ เมื่อปีค.ศ. 1990 ภายในมีทหาร 4 นาย ปืนหลักลำกล้องขนาด 120 มิลลิเมตร และปืนกล 2 กระบอก ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. มีความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง