[responsivevoice voice=”Thai Male” buttontext=”ฟังข่าว 1 นาที”]
ไฟป่าในรัฐโอเรกอนของสหรัฐฯ ยังคงลุกลามหนัก เผาผลาญบ้านเรือนประชาชนนับพันหลัง โดยควันจำนวนมากได้ลอยปกคลุมพื้นที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศขั้นรุนแรง

รัฐโอเรกอนของสหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางของไฟป่าครั้งรุนแรงในประวัติศาสตร์ของรัฐทางภาคตะวันตกของสหรัฐฯ โดยไฟป่าได้เผาผลาญบ้านเรือนประชาชนหลายพันหลังและลุกลามสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง กินพื้นที่ขนาดเท่ารัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 25 ศพ แต่นางเคท บราวน์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอนระบุว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจจะสูงกว่านั้น หลังจากมีรายงานผู้สูญหายอีกหลายสิบราย

นอกจากนี้ ควันไฟจากไฟป่าในพื้นที่ทางตะวันตกของสหรัฐฯยังลอยไปทั่วพื้นที่ ส่งผลให้ปริมาณมลพิษทางอากาศพุ่งสูง โดยเฉพาะในซานฟรานซิสโก เมืองซีแอตเทิลในรัฐวอชิงตัน เมืองพอร์ทแลนด์ในรัฐโอเรกอน ที่คุณภาพอากาศเข้าข่ายติดอันดับเลวร้ายที่สุดในโลก  ทำให้หน่วยงานสาธารณสุขต้องประกาศเตือนประชาชน ให้อยู่แต่ภายในที่พักอาศัย ปิดประตูหน้าต่าง และใช้เครื่องปรับอากาศที่ตั้งระบบหมุนเวียนอากาศ เฉพาะภายในอาคาร และหากใครที่มีเครื่องฟอกอากาศให้นำออกมาใช้งานทันที

ขณะที่หน่วยงานรัฐกำลังพิจารณาที่จะหาสถานที่ปิดเพื่อให้คนไร้บ้าน ได้เข้าไปพักพิงชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งคาดว่ากลุ่มควันจากไฟป่าจะยังคงปกคลุมพื้นที่เช่นนี้ไปอีกอย่างน้อยตลอดสุดสัปดาห์นี้

สำหรับสาเหตุที่ไฟป่าครั้งล่าสุดในรัฐโอเรกอนและแคลิฟอร์เนีย มีความรุนแรงและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ส่วนหนึ่งเกิดจากกระแสลมแรง ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดทำลายสถิติ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าภาวะโลกร้อน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสภาพอากาศรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างหนัก รวมทั้งความร้อนและแล้งจัดกว่าปกติจนนำไปสู่การเกิดไฟป่าได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากสภาพอากาศที่เริ่มเย็นลง โดยมีกระแสลมเย็นจากมหาสมุทร ที่พัดเอาความชื้นและความเย็นเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้การควบคุมไฟป่าของเจ้าหน้าที่ทำได้ง่ายขึ้น คาดว่าจะสภาพอากาศที่เย็นขึ้นเช่นนี้จะยาวนานไปจนถึงสัปดาห์หน้า.

 

[/responsivevoice]

ที่มา : รอยเตอร์

812 Views