สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เหตุไฟป่าครั้งประวัติศาสตร์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย, โอเรกอน และวอชิงตัน ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เผาผลาญพื้นที่ไปเกือบ 2 ล้านเฮกตาร์ (ราว 12.6 ล้านไร่) แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 35 ศพ ขณะที่ผู้ว่าการรัฐต่างออกมายอมรับว่า ภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีส่วนทำให้ไฟป่ารุนแรงขึ้น
นายทรัมป์ เดินทางเยือนรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563 เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนร่วมในการรับมือไฟป่า ที่เมืองซาคราเมนโต ตอนกลางของแคลิฟอร์เนีย โดยประธานาธิบดีเคยพูดว่าภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวง ย้ำคำเดิมว่าสาเหตุที่ทำให้ไฟป่ารุนแรง เป็นเพราะการบริหารจัดการป่าที่ย่ำแย่ ไม่มีทั้งการเล็มป่าและการกำจัดพุ่มไม้
เมื่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพยายามขอให้นายทรัมป์ อย่ามองข้ามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เขาก็ตอบกลับไปว่า “อากาศกำลังเย็นขึ้นแล้ว คุณแค่คอยดูเท่านั้น… ผมไม่คิดว่าวิทยาศาสตร์รู้ตามความเป็นจริง”
ด้าน นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวระหว่างร่วมประชุมกับนายทรัมป์ในวันจันทร์ ยอมรับว่า พวกเขาบริหารจัดการป่าได้ไม่ดี แต่มากกว่าครึ่งของดินแดนรัฐแคลิฟอร์เนียอยู่ในความดูแลของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่รัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ เขายังย้ำคำพูดของตัวเองที่กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เหตุไฟป่าครั้งนี้ ทำให้ข้อถกเถียงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ “จบลงแล้ว”
“ที่ร้อนก็กำลังร้อนขึ้น ที่แล้งก็กำลังแล้งขึ้น” นายนิวซัม กล่าว “เราเชื่อในวิทยาศาสตร์และหลักฐานจากการสังเกตก็ชัดเจนในตัวมันเองว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีจริง และทำให้ไฟป่าแย่ลง”
ส่วน นางเคท บราวน์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน กล่าวว่า รัฐของเธอกำลังเผชิญภาวะ ‘พายุเพลิงสมบูรณ์แบบ’ (perfect firestorm) “เราเห็นลมแรงจนน่าเหลือเชื่อ, เราเห็นอากาศหนาวสุดขีดกับร้อนสุดขั้ว และแน่นอน เรามีพื้นที่ที่เผชิญภัยแล้งมานานถึง 30 ปี” “นี่เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในเวสต์ โคสต์ อย่างแท้จริง และนี่เป็นเหมือนนาฬิกาปลุกทุกคนว่า เราต้องทำอะไรสักอย่างที่ทำได้ เพื่อรับมือปัญหานี้”
ทั้งนี้ คำพูดของนายทรัมป์เกิดขึ้นในขณะที่ นักดับเพลิงกำลังพยายามควบคุมเหตุไฟป่าขนาดใหญ่ 29 จุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยพวกเขาเตือนเรื่องลมใต้กำลังแรง และพยากรณ์อากาศเรื่องความชื้นในอากาศต่ำ อาจส่งผลกระทบต่อเหตุไฟป่าซับซ้อน ‘North Complex Fire’ ซึ่งเผาพื้นที่ไปกว่า 106,000 เฮกตาร์ และตอนนี้ควบคุมได้เพียง 26% เท่านั้น
ด้านสำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS) ของสหรัฐฯ ออกคำเตือน ‘ธงแดง’ ในพื้นที่อื่นๆ ของภูมิภาคชายฝั่งตะวันตกสหรัฐฯ (เวสต์ โคสต์) รวมถึงเขต แจ็คสัน เคาน์ตี รัฐโอเรกอน ที่ไฟป่า ‘อัลเมดา’ ทำให้บ้านเรือนไปหลายร้อยหลัง