เฮอริเคน แซลลี ขึ้นฝั่งสหรัฐฯ บริเวณอ่าวเม็กซิโกแล้ว ทำให้เกิดฝนตกและน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนในหลายรัฐทางใต้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เฮอริเคนระดับ 2 ‘แซลลี’ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งรัฐแอละแบมา บริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ แล้ว เมื่อช่วงเช้ามืดวันพุธที่ 16 กันยายน 2563 ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้เกิดฝนตกหนัก, ลมแรงและคลื่นพายุหนุนซัดฝั่ง หรือ สตอร์มเซิร์จ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสูงตั้งแต่ เมืองทอลลาฮาสซี ในรัฐฟลอริดา ไปจนถึง โมบิล เบย์ รัฐแอละแบมา แต่ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ภูมิภาคบริเวณชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกเผชิญน้ำท่วมมาตั้งแต่ก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งแล้ว หลังจากเกิดฝนตกหนักสูงกว่า 18 นิ้ว ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังทำให้เกิดไฟดับ กระทบบ้านเรือนและธุรกิจกว่า 500,000 แห่งในรัฐแอละแบมาและฟลอริดาด้วย
ตอนนี้ แซลลี ซึ่งมีความเร็วลม 168 กม.ต่อชม. กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ด้วยความเร็ว 5 กม.ต่อชม. ไปยังชายแดนรัฐแอละแบมาและฟลอริดา ซึ่งศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ของสหรัฐฯ เตือนว่า พายุแซลลี มีลักษณะเฉพาะที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก คือ การเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ซึ่งจะทำให้ฝนตกนานขึ้น และสถานการณ์น้ำท่วมแย่ลง
รัฐบาลของรัฐแอละแบมา, ฟลอริดา และมิสซิสซิปปี ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรับมือพายุลูกนี้แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทางใต้ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ต่ำ หาทางหลบภัยฝนและกระแสลม ส่วนท่าเรือ, โรงเรียน และธุรกิจต่างๆ ในพื้นที่ตามแนวชายฝั่งต้องปิดทำการชั่วคราว
ทั้งนี้ นายชัค วัตสัน จากบริษัท ‘เอ็นคิ รีเสิร์ช’ (Enki Research) ซึ่งคอยติดตามความเคลื่อนไหวของพายุโซนร้อน ประเมินว่าพายุแซลลีจะสร้างความเสียหายมูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ตัวเลขอาจสูงขึ้นอีกหากฝนยังคงตกหนักในแผ่นดินใหญ่.