ผลการทดลองนี้มีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และไบออนเทค (BioNTech) ได้ประกาศข่าวดีว่าวัคซีนโควิด-19 ที่บริษัทพัฒนาขึ้นสามารถป้องกันไม่ให้คนติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ถึง 90% และสร้างความมั่นใจให้แก่คนทั่วโลกว่าวัคซีนจะช่วยยุติวิกฤตโรคระบาดที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้ในเร็ววันนี้
ทั้งโมเดอร์นาและไฟเซอร์ ต่างใช้นวัตกรรมและวิธีการทดลองขั้นสูงในการออกแบบวัคซีนทั้งสองชนิด
โมเดอร์นา ระบุว่า นี่คือ “วันที่ยิ่งใหญ่” และบริษัทมีแผนจะยื่นขอใบอนุญาตการใช้วัคซีนชนิดนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นข้อมูลในเบื้องต้น และยังคงมีคำถามสำคัญที่ยังไม่ได้รับคำตอบอีกหลายข้อ

มันมีประสิทธิภาพแค่ไหน
โมเดอร์นารทดลองวัคซีนชนิดนี้กับอาสาสมัคร 30,000 คนในสหรัฐฯ โดยให้อาสาสมัครครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีน 2 โดส โดยมีระยะเวลาการให้วัคซีนห่างกัน 4 สัปดาห์ ส่วนอาสาสมัครอีกครึ่งที่เหลือได้รับยาหลอกซึ่งไม่มีตัวยาจริง
ผลปรากฏว่า มีอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนจริงติดเชื้อโรคโควิด-19 เพียง 5 คน ส่วนกลุ่มที่ได้รับยาหลอกติดเชื้อไป 90 คน บริษัทระบุว่าวัคซีนตัวนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 94.5%
นอกจากนี้ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่า ในการทดลองครั้งนี้มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 อาการรุนแรง 11 คน แต่ไม่ใช่คนในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนจริง
นายทาล แซกส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของโมเดอร์นาให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า วัคซีนตัวนี้มี “ประสิทธิภาพโดยรวมยอดเยี่ยมมาก…มันเป็นวันที่ยิ่งใหญ่”
ขณะที่ ดร.สตีเฟน โฮก ประธานบริษัทกล่าวว่า “เขายิ้มกว้างจนปากถึงหู 2 ข้าง อยู่ 1 นาที”
เมื่อไหร่จะได้ใช้วัคซีนตัวนี้
มันขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในประเทศอะไร
โมเดอร์นา ระบุว่าบริษัทจะทำเรื่องขออนุมัติใช้ยาต่อหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และคาดว่าจะมีวัคซีน 20 ล้านโดสให้ใช้ในสหรัฐฯ
บริษัทยังหวังว่าจะผลิตวัคซีนอีก 1,000 ล้านโดสให้สำหรับประเทศอื่นทั่วโลกในปีหน้า และมีแผนจะทำเรื่องขออนุมัติการใช้วัคซีนในประเทศอื่น ๆ ด้วย
ขณะที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังเจรจากับโมเดอร์นา เพราะวัคซีนตัวนี้ไม่ใช่ 1 ใน 6 ของวัคซีนที่ได้สั่งซื้อไปก่อนหน้านี้ โดยชี้ว่ายังไม่น่าจะได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาก่อนถึงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า

มีเรื่องอะไรที่เรายังไม่รู้บ้าง
ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าวัคซีนตัวนี้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้นานเพียงใด เพราะจะต้องติดตามดูอาสาสมัครให้นานกว่านี้
แม้จะมีข้อบ่งชี้ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงจะเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดได้ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่สมบูรณ์ในเรื่องนี้
นายแซกส์ บอกกับบีบีซีว่า ข้อมูลในปัจจุบันบ่งชี้ว่า วัคซีน “ดูเหมือนจะไม่ได้สูญเสียประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไปตามวัยของผู้รับ”
นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่าวัคซีนชนิดนี้จะหยุดยั้งไม่ให้ผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 มีอาการป่วยหนักได้หรือไม่ หรือจะช่วยหยุดการแพร่เชื้อได้หรือไม่
วัคซีนของโมเดอร์นาเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับของไฟเซอร์
วัคซีนทั้งสองชนิดมีรูปแบบการทำงานเดียวกัน นั่นคือการฉีดรหัสพันธุกรรมบางส่วนของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่าวัคซีนทั้งสองมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน คือ วัคซีนของไฟเซอร์ และไบออนเทค สามารถป้องกันไม่ให้คนติดเชื้อได้ถึง 90% ขณะที่ของโมเดอร์นา อยู่ที่เกือบ 95%
อย่างไรก็ตามวัคซีนทั้งสองยังอยู่ในขั้นการทดลอง และตัวเลขขั้นสุดท้ายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
แต่ดูเหมือนว่าวัคซีนของโมเดอร์นาจะเก็บรักษาได้ง่ายกว่า เพราะจะคงประสิทธิภาพได้นานถึง 6 เดือนเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส และสามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้ถึง 1 เดือน
ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิ -75 องศาเซลเซียส แต่สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้ 5 วัน
ขณะเดียวกันข้อมูลเบื้องต้นของวัคซีน “สปุตนิก วี”(Sputnik V) ที่พัฒนาโดยรัสเซียบ่งชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงถึง 92%
ที่มา : บีบีซี