สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถาบันสุขภาพแห่งชาตินอร์เวย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราเสียชีวิต จำนวน 33 ราย ภายหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ สหรัฐฯ ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทค เยอรมนี ในช่วงที่ผ่านมา
โดยสถาบันสุขภาพแห่งชาตินอร์เวย์ ระบุว่า ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนป้องกันโควิดฯ ข้างต้ กับการเสียชีวิตของผู้สูงอายุที่เสียชีวิตทั้ง 33 ราย แม้กระทั่ง 13 ราย ที่ได้รับการวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนหน้านี้ด้วย โดยผู้เสียชีวิตเหล่านั้น เป็นผู้สูงอายุ สุขภาพอ่อนแอ และมีโรคประจำตัวอาการป่วยร้ายแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
พร้อมกันนี้ สถาบันสุขภาพแห่งชาตินอร์เวย์ ยังเผยด้วยว่า แต่ละวันผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราที่นอร์เวย์ เสียชีวิตเฉลี่ยราววันละ 45 ราย ซึ่งการเสียชีวิตจำนวน 33 ราย หลังการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ จึงไม่น่าแสดงให้เห็นว่า เป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุที่มากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม สถาบันสุขภาพแห่งชาตินอร์เวย์ ก็ออกมาเตือนเช่นกันว่า ก่อนที่จะฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุเหล่านี้ ทางคณะแพทย์ต้องประเมินสุขภาพโดยรวมของผู้สูงอายุเสียก่อนว่า ร่างกายแข็งแรงที่จะรับการฉีดหรือไม่ และว่า การฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีน “เอ็มอาร์เอ็นเอ” ก็มักจะมีผลข้างเคียงทำให้เป็นไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแก่ผู้สูงอายุที่สุขภาพอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วได้เช่นกัน
ที่มา : สยามรัฐ