ล่าสุดเว็บไซต์ KTVU Fox2 เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นซานฟรานซิสโก ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายแอนตวน วัทสัน วัยรุ่นอายุ 19 ปี ชาวเมืองดาลลี เอาไว้ได้เมื่อวันที่ 31 มกราคมโดยได้ตั้งข้อหาฆาตกรรม ทำร้ายร่างกายผู้สูงอายุ และ ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธร้ายแรง จากการก่อเหตุผลักนายวิชา ล้มลงจนเสียชีวิต

รายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม เมย์ลาเซีย กู หญิงผู้สมรู้ร่วมคิดวัย 20 ปีเอาได้ได้ด้วย เนื่องจากเป็นผู้ขับรถพานายวัทสัน หลบหนีไปหลังก่อเหตุ

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30น. ของวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านซึ่งต่อมาได้ถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงให้เห็นภาพผู้ต้องหาวิ่งข้ามถนนเข้าไปผลักเหยื่ออย่างแรงจนล้มลงกระแทกพื้นซีเมนต์ ก่อนจะเดินหนีไป โดยภาพจากกล้องวงจรปิดไม่แสดงให้เห็นการสนทนา ยั่วยุ หรือเหตุจูงใจในการทำร้ายอย่างอื่นเลย

โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำร่างของนายวิชา ส่งโรงพยาบาลโดยด่วน แต่นายวิชา มีอาการสาหัสและเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา

รายงานงานว่าครอบครัวของนายวิชา รัตนภักดี ได้จัดทำเพจรับบริจาคสำหรับจัดพิธีศพที่เว็บไซต์ GofundMe (gofundme.com/f/84yearold-killed-in-san-francisco) ซึ่งข้อมูลบนเพจดังกล่าวให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า นายวิชาเป็นผู้อาวุโสที่สุภาพ สายตาไม่ดีจนถึงขั้นเกือบมองไม่เห็น เป็นที่รักของคนในครอบครัว รวมถึงบอกด้วยว่าสาเหตุของการฆาตกรรมดังกล่าว มาจากพฤติกรรมเหยียดผิว

“ครอบครัวของเราต้องทนกับการทำร้ายด้วยคำพูดหลายครั้งนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด แต่ครั้งนี้เป็นเหตุร้ายแรง” และว่า “พฤติกรรมเหยียดชาวเอเชีย กลายเป็นอันตรายใหญ่หลวงสำหรับชาวเอเชีย-อเมริกันทั้งหมด โดยเฉพาะในซานฟรานซิสโก ถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจจะต้องเอาจริงกับการปราบปรามมัน”

ข้อความของครอบครัวบนเพจ Gofundme ได้เรียกร้องให้ครอบครัวชาวเอเชีย  รวมถึงเพื่อนและเพื่อนบ้านของครอบครัวชาวเอเชีย ช่วยกันโทรศัพท์หา ชีซ่า โบแดน อัยการเขต 29 ของซานฟรานซิสโก ที่หมายเลข 628-652-4311 เพื่อเรียกร้องให้จัดการคดีอันน่ารังเกียจนี้อย่างเด็ดขาด

“ผู้กระทำผิดได้ถูกชี้ตัวและถูกจับกุมด้วยข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่จากนั้นก็ปล่อยตัวไป ตอนนี้ นายวิชา รัตนภักดี ได้เสียชีวิตแล้วจากอาการบาดเจ็บ การฟ้องร้องด้วยคดีฆาตกรรมจากการความเกลียดชัง (murderous hate crime) คือทางเดียวที่จะนำมาซึ่งความยุติธรรมและความปลอดภัยของชุมชน”

ที่มา : GoFundMe