ผอ.ศูนย์ควบคุมโรคจีนยอมรับ “วัคซีนโควิด-19” จีนประสิทธิภาพต่ำ รัฐบาล “จีน” กำลังพิจารณาให้ใช้ร่วมกับตัวอื่น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า จีนที่ไม่ค่อยยอมรับว่าวัคซีนโควิด-19 ของตนเองมีประสิทธิภาพต่ำ แต่ล่าสุดนายเกาฟู่ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคจีน แถลงที่เมืองเฉิงตูเมื่อวันเสาร์ (10 เม.ย.) ว่า วัคซีนจีนไม่ได้มีอัตราการป้องกันสูงมาก ขณะนี้รัฐบาลกำลังตัดสินใจว่าควรใช้ร่วมกับวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคนิคอื่นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนหรือไม่
รัฐบาลปักกิ่งกระจายวัคซีนหลายร้อยล้านโดสไปให้ประเทศต่างๆ พร้อมกับพยายามตั้งข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพของวัคซีนตะวันตกแต่คณะนักวิจัยในบราซิลพบว่า วัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ อยู่ในระดับต่ำที่ 50.4% เทียบกับวัคซีนของไฟเซอร์ได้ผลถึง 97%
กระนั้น รัฐบาลปักกิ่งก็ยังไม่อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิด-19ต่างชาติในจีน ที่พบไวรัสโคโรน่าเมื่อปลายปี 2562
ในการแถลงข่าวนายเกาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจีนจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์วัคซีนหรือไม่ แต่อ้างถึงวัคซีนที่ใช้เทคนิค mRNA ที่บริษัทตะวันตกใช้กัน ขณะวัคซีนจีนใช้เทคโนโลยีเชื้อตายแบบดั้งเดิม
“พวกเราควรพิจารณาถึงประโยชน์ของวัคซีน mRNA ที่มีต่อมนุษยชาติ เราต้องติดตามอย่างระมัดระวังและไม่ละเลยไปเพียงแค่เพราะเรามีวัคซีนหลายชนิดแล้ว”
ก่อนหน้านี้นายเกาเคยตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของวัคซีน mRNA สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนเคยรายงานคำพูดของเขา เมื่อเดือน ธ.ค. ว่า เขาไม่อาจตัดผลกระทบด้านลบของวัคซีน mRNAออกไปได้เพราะกำลังฉีดให้กับคนที่แข็งแรงเป็นครั้งแรก
สื่อทางการจีนและบล็อกวิทยาศาสตร์และสุขภาพชื่อดังก็ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19ไฟเซอร์ที่ใช้ mRNA ด้วย
นายเกากล่าวด้วยว่า นับถึงวันที่ 2 เม.ย. ประชาชนราว 34 ล้านคนได้รับวัคซีนสองโดสแล้ว ราว 65 ล้านคนรับหนึ่งโดส
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การใช้วัคซีนคละชนิดหรือจัดลำดับการฉีดอาจช่วยเพิ่มอัตราประสิทธิผลได้ การทดลองทั่วโลกตอนนี้กำลังใช้การผสมวัคซีน หรือยืดเวลาฉีดโดส 2 คณะนักวิจัยในอังกฤษกำลังศึกษาการฉีดร่วมระหว่างไฟเซอร์กับแอสตร้าเซนเนก้า