แม้จะมีตำแหน่งเป็นแค่รัฐมนตรีช่วยว่าการ แต่นาทีนี้ดูเหมือน “ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า” จะเป็นรัฐมนตรีที่ฮอตที่สุดของ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” หรือบางคนอาจจะเรียกว่า”รัฐมนตรีสายล่อฟ้า” 

ในโค้งสุดท้ายที่ชื่อเขากลับมาอยู่ในโผ ครม. ก็เป็นพาดหัวไม้หนังสือพิมพ์หลายฉบับ และสุดท้ายเมื่อมีการประกาศชื่อคณะรัฐมนตรีออกมาอย่างเป็นทางการ แม้จะได้เป็นแค่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานตามที่มีข่าวก่อนหน้า แต่ชื่อเขาก็ยังเป็นประเด็นเด่นอยู่ในพาดหัวหนังสือพิมพ์

ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้า เคยมีกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส จะไปเป็นรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือกระทรวงดีอี แต่ทันทีที่มีข่าวออกมาก็มีกระแสลบจน ร.อ.ธรรมนัส ต้องถอย และผลักดันน้องชาย คือ “อัครา พรหมเผ่า” ออกมาแทน แต่ตอนหลัง อัครา ก็ขอถอนตัวท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะมี กอบศักดิ์ ภูตระกูล หรือ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มานั่งกระทรวงนี้ (สุดท้ายเป็นพุทธิพงษ์)

ช่วงนั้นเหมือน ร.อ.ธรรมนัส จะหลุดไปจากโผ ครม.แล้ว แต่จู่ๆ ในโค้งสุดท้ายชื่อเขาก็กลับเข้ามาในโผอีกครั้งว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกอาการ “โวยสื่อ” ว่าหากรายชื่อเปิดเผยออกมาแล้วไม่มี ร.อ.ธรรมนัสเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ใครจะรับผิดชอบ สื่อรับผิดชอบไหม ทำให้มีการเข้าใจว่าผู้กองธรรมนัส จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี

เขาเป็นใคร หลายคนถาม…

ในเส้นทางการเมือง เดิมผู้กองธรรมนัสเป็นขุนพลคนหนึ่งของฝ่ายทักษิณ เริ่มตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย จนล่าสุดในการเลือกตั้งปี 2557 เขาเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกดึงตัวมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ซึ่งทำผลงานได้เข้าเป้า พลังประชารัฐได้ ส.ส.ภาคเหนือเข้ามา 25 เขต จากทั้งหมด 64 เขต และทำหน้าที่เป็นมือประสานคนสำคัญคนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม จุดที่ทำให้ผู้กองธรรมนัสถูกจับจ้องและมีกระแสโจมตีอย่างหนัก เนื่องจากเขาถูกมองว่าเป็นมาเฟีย เป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งเขาพยายามบอกว่าเขาไม่ใช่มาเฟียแต่เป็นคนใจนักเลง และกรณีที่เขาเคยถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาให้จำคุกในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีที่ออสเตรเลีย นายวิษณุ เครืองาม มือกฎหมายของรัฐบาล การันตีแล้วว่าไม่เป็นปัญหาเรื่องคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี  แต่จะเหมาะสมหรือไม่ในการเป็นรัฐมนตรี นายวิษณุ บอกว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม หนึ่งวันหลังมีโปรดเกล้าฯรายชื่อ ครม. ผู้กองธรรมนัสได้ออกมาแถลงข่าว เคลียร์ข้อครหาต่างๆ

ประเด็นสำคัญ คือ เรื่องคดีเกี่ยวกับยาเสพติดที่ทำให้เขาถูกจำคุกที่ออสเตรเลียเป็นเวลา 8 เดือน โดย ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า ที่เขาถูกติดคุก ไม่ใช่เพราะนำเข้า หรือผลิต หรือจำหน่ายยาเสพติด แต่เป็นความผิดข้อหา “รู้ว่ามีการค้ายาเสพติด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ” ซึ่งเขายืนยันว่าไม่รู้เรื่องเลย แต่เขาโชคร้ายที่มีการจับคนทำความผิดในสถานที่ที่เขาอยู่ด้วย

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2535-2536

ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า หลังออกมาจากคุก เขาใช้ชีวิตอยู่ปกติ แต่ต่อมาถูกทางการออสเตรเลีย”deport”(เนรเทศ) กลับประเทศ เพราะไม่ต้องการให้มีการคนเอเชียตั้งตัวเป็นกลุ่มก้อนและไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่ง ซึ่งเป็นการส่งตัวกลับเฉยๆ ไม่ใช่กลับมารับโทษ

ส่วนอีกคดีที่ทำให้เขาถูกจำคุกในเมืองไทย และทำให้เขาได้ฉายา “ผู้กองตุ๋ย” คือ คดีฆาตกรรมด็อกเตอร์คนหนึ่ง ซึ่งผู้กองธรรมนัสให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีช่องหนึ่ง ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม 2541 ซึ่งเขาตกเป็นผู้ต้องหาร่วม ถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ 3 ปี 1 เดือน จนปี 2544 ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี และปี 2547 ศาลสั่งจำคุกจำเลยที่ 2 ที่รับสารภาพ เป็นเวลา 9 ปี ส่วนตนและจำเลยคนอื่นศาลยกฟ้อง

“สิ่งที่มันติดตัวผมอยู่ตลอดเวลานี้่ สิ่งที่ผมอยากจะพูดมากในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางท่านบอกว่าผู้ตายมีคราบอสุจิในทวารหนัก ซึ่งก็พยายามจะเบนว่าผมนิยมรักร่วมเพศ ซึ่งจริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ต้องหาได้รับสารภาพ และศาลตัดสินจำคุก ผู้ต้องหารับสารภาพหมดว่าไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย ผมไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในคืนเกิดเหตุ” ร.อ.ธรรมนัส ระบุ

ในระหว่างการแถลงข่าวเคลียร์ตัวเอง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตอนนี้ เพราะกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามพยายามทำลายเขา เนื่องจากรู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล

“ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ผมถือเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อน ในการประสาน ล้มผมได้รัฐบาลก็สั่นคลอน เขารู้ว่าผมคือเส้นเลือดใหญ่ ที่เอาเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจ”

ร.อ.ธรรมนัส แสดงความมั่นใจว่า เขาเหมาะสมกับการมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร โดยบอกว่าเป็นลูกชาวนา รู้ปัญหา รู้ความต้องการของเกษตรกรเป็นอย่างดี และบอกว่า “เมื่อนายให้มาเป็น เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด”

ร.อ.ธรรมนัส บอกด้วยว่า เขาไม่มีประวัติอาชญากรรมใดๆ ไม่มีคดีอะไรค้างอยู่ที่ศาล ไม่เคยละเมิดรัฐธรรมนูญไทย ผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทินมาแล้วหลายฉบับ จึงสามารถลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2557 ได้ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร

“เราต้องรู้ตัวเองว่าเราชั่วหรือไม่ชั่ว” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯกล่าวด้วยความมั่นใจ.

650 Views