โรงละครเวทีระดับโลกบนถนนบรอดเวย์ในนครนิวยอร์กพร้อมเปิดม่าน ต้อนรับผู้ชมอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้ หลังต้องยุติการแสดงไปกว่า 18 เดือนเพื่อปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด-19 วันนี้ วีโอเอ ไทยได้รับโอกาสสัมภาษณ์ ลูค ณภัทร เสถียรถิระกุล ศิลปินเด็กชาวไทยมากความสามารถที่ได้รับเลือกให้แสดงละครเวทีในถึงสามเรื่องในสหรัฐฯ
สิ่งที่ทำให้ ‘ลูค’ ตัดสินใจเข้าวงการบันเทิง
ลูคเล่าย้อนให้ฟังว่า เริ่มเรียนร้องเพลงตั้งแต่อายุ 3 ขวบและเข้าประกวดพลังเสียงตามเวทีต่างๆ มาเรื่อยๆ แต่ละครเวทีเรื่อง “มอม” ซึ่งประยุกต์มาจากบทประพันธ์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช คือ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ศิลปินเด็กมากความสามารถคนนี้ หลงรักละครเวทีและตัดสินใจฝึกฝนตนเองเพื่อให้ได้ทำงานสายอาชีพนี้
“ผมได้ไปดูเรื่อง มอม เดอะ มิวสิคัล มันมีอะไรกับเรื่องนั้นที่ทำให้ผมอยากอยู่บนเวที ผมเลยบอกคุณแม่ว่า ผมอยากจะยืนอยู่ตรงนั้น และก็แอคติ้งเหมือนเขา ตั้งแต่ 7 ขวบมา ผมก็เริ่ม take การร้องเพลง การเรียนแอคติ้ง seriously (จริงจัง)”
ลูคสร้างผลงานละครเวทีในเมืองไทยเกือบสิบเรื่อง เช่น เรื่องพญาพงพญาพาน เรื่อง Jesus Christ Superstar ซุปเปอร์สตาร์ และ เรื่องนางฟ้า เดอะ มิวสิคัล
ลูคโกอินเตอร์ ที่นิวยอร์ก ล่าฝันขึ้นเวทีบรอดเวย์
เมื่อปี 2019 ศิลปินเด็กวัย 13 ปีก็บินลัดฟ้ามาเพิ่มทักษะการร้องเพลงด้วยหลักสูตรระยะสั้นที่นครนิวยอร์ก เมืองที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน เสียงเพลง และเป็นต้นกำเนิดของโรงละครระดับโลกมากมายที่รายล้อมถนนเส้นบรอด์เวยอีกด้วย
“ใน workshop (คอร์สเรียนระยะสั้น) ที่สองของที่นิวยอร์ก มีเอเจนซี่โทรมาหลายคน แต่ผมก็เลือก Take 3 Talent เขาก็ขอให้เข้าไปออดิชั่น ผมก็เข้าไป เขาก็บอกว่าเจอ you ที่ workshop นิ จำได้นะ ชอบ ลองร้องเพลงที่ร้องให้ฟังวันนั้นได้ไหม ผมร้องแบบสดๆ ร้อนๆ เลย ไม่มีการต้องแอ็คว่าเราเท่ ผมรู้วันนั้นเลยว่าที่ผมต้องไปร้องเพลง เขาไม่ได้พยายามหาความเท่ เขาแค่อยากรู้ว่า your soul (จิตใจของลูค) เนี่ย ชอบจริงไหม”
หลังเซ็นสัญญากับอเจนซี่ได้เพียงแค่สองวัน ช่อง Nickelodeon ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดการ์ตูนเด็กที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ ก็เรียกให้หนุ่มน้อยเข้าไปทดสอบเสียงและรับบทเอกในแอนิเมชั่น เรื่อง Bubble Guppies หรือที่รู้จักกันในภาษาไทยในชื่อ “เงือกน้อยหรรษา”
จากนั้นงานต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งการรับบทสั้นในซีรีย์แนวสืบสวนด้านการแพทย์ ชื่อ New Amsterdam ของช่อง NBC และการได้รับเลือกให้รับบทต่างๆ ในละครเวทีถึงสามเรื่อง
“ความเป็นจริงแล้ว ออดิชั่นมาเยอะ ผมได้ Christmas Carol the Musical ที่เป็นรีเมคแล้วผมก็ได้ Miracle on 34rd street ก็ได้ชนกันเลย ตกใจมากว่าเราได้ทั้งคู่เลยหรอ แต่ว่าเราต้องเลือกว่าจะเอาอันไหน ผมเลือก Christmas Carol ครับ…ทำเสร็จก็ได้บุ๊คงานต่อไปก็คือ Jason Robert Brown – Farewell My Concubine ทุกคนอาจจจะได้ยินคำว่า Farewell My Concubine มาก่อนเพราะมันเป็นหนังจีนที่ successful ผมก็ได้ select เป็นตัวหลัก เล่นเป็น Little Bean”
ส่วนละครเวทีเรื่องล่าสุดที่มีชื่อว่า Trevor – A New Musical บนถนนบรอดเวย์นั้นได้รับการประยุกต์มาจากภาพยนตร์สั้นชื่อเดียวกันที่ได้รับรางวัลออสการ์เมื่อปี 27 ปีก่อน
เนื้อเรื่องหลักเล่าถึงการผจญภัยและปัญหาสุดอลหม่านของเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่น
ลูคได้รับบทตัวสำรองสองบท คือ บทเพื่อนสนิทของพระเอก และบทพระเอก
“เข้าไปถึงแล้ว ไม่ถึง 3 นาที ไปออดิชั่น ก็ออกมา คุณแม่ถามผมว่า อ่าว เสร็จแล้วเหรอ เพราะว่าเขาได้ backing track custom song (เพลงที่ใช้ในการทดสอบ) ของเรามาเนี่ย มันเป็นเพลงปานกลาง ไม่เร็วมาก แต่ว่าตอนเข้าไปแล้ว นักเปียโนเล่นแบบเร็วสุดๆเลยครับ แทบจะตามไม่ทันและคีย์มันก็แปลกๆด้วย…ทำเสร็จแล้วผมก็รออีก 2-3 วัน เขาก็ call back (โทรกลับมา)…วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมาก”
บรอดเวย์จะกลับมาสร้างสีสันให้นิวยอร์กอีกครั้ง
บทบาทการแสดงละครเวทีของลูคต้องสะดุดไปบ้าง เมื่อการระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงละครทั้งในและนอกบรอดเวย์ในนิวยอร์กต้องยุติการแสดงทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือละครเวทีเรื่อง Trevor – A New Musical ที่ ประยุกต์มาจากภาพยนตร์สั้นชื่อเดียวกันที่ได้รับรางวัลออสการ์เมื่อ 27 ปีก่อน
Trevor – A New Musical เล่าถึงการผจญภัยและปัญหาสุดอลหม่านของเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่น ลูคได้เป็นตัวสำรอง หรือ understudy ของสองตัวละคร คือ บทเพื่อนสนิทของพระเอก และบทพระเอก
การกลับมาครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักละครบรอดเวย์และลูค หลายๆคนคาดว่ายอดขายตั๋วละครบรอด์เวยจะทำลายสถิติเหมือนกับภาพยนต์ในสหรัฐฯ ที่กลับมาเปิดช่วงวันหยุดยาวปลายเดือนพฤษภาคม
ความแตกต่างระหว่างวงการบันเทิงไทยกับอเมริกัน
เมื่อถามถึงความแตกต่างด้านในการทำงานวงการบันเทิงระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศไทย ศิลปินเด็กคนนี้อธิบายให้ฟังว่า
“มันต่างกันที่เมืองไทยเขาอาจจะ ผมไม่ได้ว่านะ แต่เขาอาจจะไม่ได้ดูความสามารถเต็มร้อย เขาอาจจะดูตรงนั้น 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่ามันก็จะมี factor (องค์ประกอบ) อื่นที่เขาต้องดูด้วย อย่างเช่น หน้าตา เป็นยังไง take คำสั่งได้ไหม แต่ว่าที่อเมริกา สำหรับผมนะ เขาจะดูความสามารถเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ Racial (เชื้อชาติ), ethnicity (ชาติพันธุ์) ทุกตอน debrief (อธิบายแบบย่อ) ของงานที่ผมได้มาเนี่ย เขาจะพูดหมดเลยว่า director (ผู้กำกับ)ยอมที่จะเอา ethnicity (ชาติพันธุ์) อันอื่น ไม่ต้องอเมริกันอย่างเดียวก็ได้ เอเชียก็ได้ ลาตินโนก็ได้”
ท้ายนี้ ลูคย้ำถึงสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ นั่นคือ ทัศนคติที่บวก และ การเปิดรับโอกาสในการทำงานทุกชิ้น ไม่ว่าเป็นงานเล็กหรือใหญ่ก็ตาม
(เรื่องโดยจณิน ภักดีธรรม)