คู่รักเชฟไทยกับสาวไทย จบชีวิตพร้อมหนุ่มอเมริกันแฟนใหม่ของฝ่ายหญิง รวม 3 ศพ หลังฝ่ายหญิงขอแยกทางกัน 2 สัปดาห์ เพื่อนร่วมห้องแฟนหนุ่มอเมริกันกลับจากทำงานตอนเย็น พบเสียชีวิตอยู่ในอพาร์ตเมนต์แฟนใหม่ มีบาดแผลถูกกระสุนปืนทั้ง 3 ศพ จึงแจ้งตำรวจไป ตรวจสอบ ขณะที่เพื่อนสนิทเชฟไทยเผยก่อนจบชีวิต 3 วัน เชฟไทยปรับทุกข์เครียดยังตัดใจจากฝ่ายหญิงไม่ได้ จึงอาจคิดสั้นก่อเหตุปลิดชีวิตทั้ง 3 ศพ แต่ตำรวจ ยังไม่สรุปสาเหตุการตาย รอพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อน
เหตุรักสามเส้าคู่รักหนุ่มสาวไทยจบชีวิตลงพร้อมหนุ่มอเมริกันแฟนใหม่ฝ่ายหญิงรวม 3 ศพนี้ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2564 ว่า เกิดเหตุเศร้าสลดใจกับชาวไทยในเมืองแอตแลนตา โดยเมื่อเย็นวันที่ 7 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐฯ ตรงกับประเทศไทย วันที่ 8 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีแซนดี้ สปริงส์ เมืองแอตแลนตา ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่อพาร์ตเมนต์ ย่านแซนดี้ สปริงส์ จึงไปตรวจสอบพบศพผู้เสียชีวิต 3 ศพ ถูกกระสุนปืนเสียชีวิตอยู่ในห้องพักของอพาร์ตเมนต์ เป็นชายไทย 1 คน หญิงไทย 1 คน และชายชาวอเมริกัน 1 คน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบแต่ชื่อชายชาวอเมริกัน แต่ชายไทยและหญิงไทยไม่ทราบชื่อ จนกระทั่งตรวจสอบหลักฐานจากเช็คเงินเดือนของฝ่ายชายทราบว่าเป็นของร้านอาหารไทยชื่อ Tum Pok Pok อยู่ที่ตลาดฟาร์มเมอร์ มาร์เกต ถนนบิวฟอร์ด ไฮเวย์ ย่านแชมบลี เมืองแอตแลนตา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อสอบถามไปที่ร้าน Tum Pok Pok จึงได้ทราบจากเจ้าของร้านว่าชายไทยที่เสียชีวิตชื่อนายอาวุธ วิจิตรกุลหรือวู๊ดดี้ อายุ 59 ปี เป็นเชฟและผู้จัดการที่ร้าน ส่วนผู้หญิงคือ น.ส.ปภัสรา ทองทัศนีย์ หรือหยก อายุ 41 ปี เป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้าน ทั้ง 2 คน เคยเป็นคู่รักกันและเพิ่งแยกกันอยู่ ส่วนชายอเมริกันน่าจะเป็นแฟนใหม่ของฝ่ายหญิง ส่วนในที่เกิดเหตุมีคนที่อยู่ในละแวกดังกล่าวให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ช่วงเย็นได้ยินเสียงคนทะเลาะกันที่ลานจอดรถ จนกระทั่งเย็นใกล้ค่ำเพื่อนร่วมห้องของชายชาวอเมริกันแฟนใหม่ของ น.ส.ปภัสรา กลับมาจากทำงาน ได้พบทั้ง 3 คน นอนตายอยู่ในห้อง จึงแจ้งตำรวจไปตรวจสอบ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการเสียชีวิต เพียงแจ้งให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ทราบ และรวบรวมหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของทั้ง 3 คนให้แน่ชัด
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามจากเพื่อนสนิทของนายอาวุธ ทราบว่านายอาวุธ วิจิตรกุล และ น.ส.ปภัสรา ทองทัศนีย์ เคยทำงานร้านอาหารอยู่ที่เมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน 5 ปี และเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ได้ประมาณ 6-7 เดือน โดยทั้ง 2 คนตั้งใจย้ายมาปักหลักสร้างกิจการของตัวเอง โดยติดต่อร่วมหุ้นกิจการร้านอาหารกับเจ้าของร้านอาหารเดิม โดย น.ส.ปภัสราได้รับวีซ่าลงทุนในเมืองแอตแลนตา แต่ระหว่างดำเนินการติดต่อเข้าร่วมทุนกิจการร้านอาหาร ทั้ง 2 คนได้เข้าทำงานที่ร้านอาหารไทยชื่อ Tum Pok Pok ย่านแชมบลี เมืองแอตแลนตา โดยนายอาวุธทำงานเป็นเชฟและผู้จัดการ ส่วน น.ส.ปภัสราทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ และทั้ง 2 คน ยังทำงานที่ร้าน Crab 404 ย่านแซนดี้ สปริงส์ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเดียวกัน และอยู่ในย่านเดียวกับอพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ
เพื่อนสนิทนายอาวุธเปิดเผยอีกว่า ประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายอาวุธทราบว่า น.ส.ปภัสรา มีแฟนใหม่เป็นชาวอเมริกัน จึงนัดมาเจรจากันที่ร้าน ฝ่าย น.ส.ปภัสราขอเลิกและขอเปลี่ยนสถานะเป็นพี่น้องกัน จากนั้นทั้ง 2 คนได้แยกกันต่างฝ่ายต่างไปเช่าที่พักอยู่กันใหม่ และ 3 วันที่ผ่านมา นายอาวุธได้มาปรับทุกข์ให้เพื่อนสนิทฟังว่ายังตัดใจไม่ได้กับ น.ส.ปภัสรา ทำให้กลุ้มใจเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน คิดว่าต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อนจึงเตือนว่าให้ใจเย็นๆค่อยๆคิดและขอให้ทำใจ ไม่คิดว่าจะมีจุดจบเช่นนี้ ซึ่งเพื่อนๆคาดว่านายอาวุธอาจจะคิดสั้นก่อเหตุขึ้น จากคำพูดที่มาปรับทุกข์ แต่คงต้องรอตำรวจสรุปประเด็นที่แน่ชัดอีกครั้ง โดยก่อนเกิดเหตุช่วงพักงานเวลา 15.00 น. นายอาวุธได้หายออกจากร้าน เพื่อนที่ร้านตามหาไม่พบตัว จึงได้ช่วยกันตามหา จนตำรวจโทรศัพท์มาสอบถามและแจ้งให้ทราบว่าเสียชีวิตดังกล่าว
ส่วนทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้รับแจ้งจากสถานีตำรวจแซนดี้ สปริงส์แล้ว และได้แจ้งให้ทางญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ที่ประเทศไทยทราบ เพื่อดำเนินการจัดการศพทั้ง 2 ศพ ซึ่งขณะนี้ศพถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาลย่านแซนดี้ สปริงส์
ด้านประเทศไทย นายนฤชัย นินนาท ผอ.กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล เปิดเผยว่าทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้แจ้งเกี่ยวกับการเสียชีวิตของทั้ง 2 คนให้ทราบแล้ว เพื่อประสานงานกับญาติว่าจะให้กองคุ้มครองฯ ช่วยเหลืออย่างไร จึงจะประสานกับสถานทูตฯดำเนินการให้
ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตนั้น ผู้สื่อข่าวทราบว่า น.ส.ปภัสรา มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.เมืองปทุมธานี ผู้สื่อข่าวได้ไปที่บ้าน ได้พบกับคนที่อยู่ในบ้านทราบว่าเป็นพี่สาวของ น.ส.ปภัสรา เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ เพียงได้รับแจ้งเรื่องการเสียชีวิต และเชื่อว่าน้องสาวไม่ใช่คนก่อเหตุ ตอนนี้จึงให้รายละเอียดอะไรมากไม่ได้ ส่วนนายอาวุธทราบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถติดต่อญาติได้
เวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางมาตรวจสอบบ้านเลขที่ 77 (บ้านเลขที่เก่า 52/182) หมู่บ้านเลิศอุบล 3 ถนนโชคชัย 4 ซอย 73 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ของผู้ก่อเหตุชายไทยที่ใช้ปืนยิงคนตายหลายศพในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 2 คูหา บ้านปิดเงียบมองผ่านประตูรั้วหน้าบ้านเข้าไปมีรถจักรยานยนต์จอดอยู่ 1 คัน กดกริ่งหน้าบ้านไม่มีคนออกมา ผู้สื่อข่าวเฝ้ารออยู่หน้าบ้านนานกว่า 1 ชั่วโมง จึงเดินทางกลับ