ประกาศในราชกิจจาฯเมื่อ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ให้ทุกภาคส่วนทั้ง เกษตรกร รัฐ เอกชน ประชาชน สามารถขออนุญาตนำไปใช้ได้ทั้งการแพทย์ การศึกษา วิจัย เมล็ดพันธุ์ การค้า แปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งเปิดให้นำเข้าเมล็ดพันธุ์ได้ ส่งเสริมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทย
นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.63 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ได้ลงนามในกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. 2563 และได้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.63 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 30 วันนับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ม.ค.64 เป็นต้นไป
กฎกระทรวงฉบับนี้เปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนทั้ง เกษตรกร ภาครัฐและเอกชน ประชาชนทั่วไป สามารถขออนุญาต และนำกัญชงไปใช้ในทุกวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ การแพทย์ การศึกษา วิจัย การใช้ตามวิถีชีวิต ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์และการค้า เพื่อนำส่วนต่าง ๆ ของกัญชงไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ ทั้งยา อาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ภญ. สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กฎกระทรวงฉบับนี้ยังเปิดให้สามารถส่งออกกัญชงได้ และภายใน 5 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ สามารถนำเข้าเมล็ดพันธุ์เพื่อนำมาปลูกได้อีกเช่นกัน โดยผู้ที่ต้องการขออนุญาตให้ยื่นคำขอ ณ สถานที่ปลูกที่ตั้งอยู่ หากอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้ยื่นที่ อย. หากอยู่ต่างจังหวัดให้ยื่นที่สำนักงาน สาธารณสุขจังหวัด ส่วนการนำเข้าหรือส่งออกขณะนี้ให้ยื่นที่ อย. ส าหรับการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์สุขภาพจะมีกฎหมายรองรับการนำไปใช้ประโยชน์จากพืช กัญชงต่อไป อย. พร้อมส่งเสริมกัญชงเป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน
ที่มา : สยามรัฐ