สำนักข่าว Radio Free Asia (RFA) รายงานว่า ทหารเมียนมาได้จุดไฟเผาบ้านเรือนของประชาชนในรัฐชินมากกว่า 60 หลัง และโบสถ์อีก 1 แห่ง ในช่วงเดือนตุลาคม ในขณะที่ยังคงมีการต่อสู้ระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังรัฐชินทางตะวันตกของเมียนมา
รายงานของ RFA ระบุว่า กองทัพได้บุกโจมตีเมืองทานตะลาง เมื่อวันที่ 18 กันยายน และเผาทำลายบ้านเรือน 19 หลัง ต่อมาระหว่างวันที่ 13-25 ตุลาคม ทหารเมียนมาได้เผาบ้านอีก 42 หลัง และโบสถ์อีกหนึ่งแห่งในเมืองฟาลามที่อยู่ติดกัน
ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ทหารเมียนมาไม่เพียงแต่เผาทำลายบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังปล้นสดมภ์และฆ่าสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก คาดว่ามีชาวบ้านราว 900 คนจาก 7 หมู่บ้านที่หลบหนีเข้าป่าลึกเพื่อเอาชีวิตรอด
การโจมตีหมู่บ้านในรัฐชินในเดือนตุลาคมมีขึ้นในช่วงเดียวกับที่กองทัพเมียนมาเพิ่มปฏิบัติการทหารตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม บริเวณถนนสายหลักที่เชื่อมต่อรัฐชินกับแคว้นซะไกง์ของเมียนมาซึ่งถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มแข็งข้อต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา
RFA ได้พยายามติดต่อไปยังโฆษกกองทัพเมียนมาเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ
ซาไล ซา ออพ ลิน ผอ.บริหารขององค์กรสิทธิมนุษยชนชาวชิน (Chin Human Rights Organization – CHRO) กล่าวกับ RFA ว่า การที่กองทัพเมียนมาเผาทำลายเมืองทานตะลางจนเกือบหมดนี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทางองค์กรมีหลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ ที่จะนำมาเปิดเผยต่อไป
ข้อมูลขององค์กร CHRO ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม กองทัพเมียนมาได้เผาบ้านเรือนในรัฐชินแล้วกว่า 300 หลัง และมีประชาชนราว 30,000 คนที่ต้องอพยพข้ามพรมแดนไปยังรัฐมิโซรัมของอินเดีย
กองทัพเมียนมาต่อสู้กับกลุ่มแข็งข้อต่อต้านและกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยรายงานของกลุ่ม Assistance Association for Political Prisoners (AAPP) ประเมินว่ามีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 1,200 คน หลังการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์