สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานข่าวการชุมนุมประท้วงรัฐบาลในกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง สืบเนื่องจากการบริหารงานที่ผิดพลาดจนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ผู้ประท้วงมากกว่า 1,000 คนเข้าร่วมในการชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาลในวันอาทิตย์ หลายคนแบกถุงบรรจุศพปลอมเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19
รายงานข่าวระบุว่า ตำรวจได้ใช้กระสุนยาง หัวฉีดน้ำแรงดันสูง และแก๊สน้ำตา ยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามทำลายแผงกั้นถนนที่เชื่อมระหว่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและทำเนียบรัฐบาล มีผู้ชุมนุมบางคนได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งมีการประกาศยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น
การประท้วงครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมการระบาดทั่วประเทศ รวมถึงการห้ามประชาชนรวมตัวมากกว่า 5 คน โดยมีโทษปรับสูงสุด 40,000 บาท และจำคุก 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อวันอาทิตย์ รัฐบาลไทยเปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 11,397 คน เสียชีวิตอีก 101 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อัลฟาและเดลตา ที่สามารถติดต่อได้ง่าย
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กฤษณะ พัฒนเจริญ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นจำนวนมาก การเข้าร่วมเดินขบวนนั้นจะเป็นการสร้างความเสี่ยงต่อการระบาดในหมู่ประชาชน และยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
ทางด้านสำนักข่าวเอพี รายงานว่า การประท้วงในวันอาทิตย์นำโดยกลุ่มเยาวชนปลดแอก ซึ่งเป็นผู้นำการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในช่วงเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้วและมีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน
จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หนึ่งในผู้นำการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนปลดแอก กล่าวกับเอพีทางโทรศัพท์ว่า เวลานี้มีประชาชนจำนวนมากล้มตายเพราะการบริหารที่ผิดพลาดและการขาดความโปร่งใสของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีของเขา
“หากเราไม่ออกมาตอนนี้ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดอีกนานแค่ไหนและจะมีโอกาสชุมนุมได้อีกหรือไม่” จุฑาทิพย์กล่าว
ผู้ประท้วงเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลงจากตำแหน่ง ตัดงบประมาณในส่วนของสถาบันพระมหากษัตริย์และด้านการทหารลงในช่วงที่มีการระบาด รวมทั้งเรียกร้องให้มีการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA จำนวนมากมาให้กับประชาชน
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า นอกจากในกรุงเทพฯ รัฐบาลยังประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวใน 3 จังหวัด ระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 4.00 น. ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม
นอกจากนี้ยังใช้มาตรการจำกัดเวลาเปิดบริการของธุรกิจต่าง ๆ ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหากไม่จำเป็น รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกจังหวัดเหล่านี้
บลูมเบิร์กรายงานด้วยว่า การระบาดระลอกล่าสุดกำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยทั้งธนาคารโลกและธนาคารแห่งประเทศไทยต่างเตือนว่า อาจมีการปรับการคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยลงจากระดับ 2.2% และ 1.8% ตามลำดับ
(ที่มา: รอยเตอร์ เอพี และบลูมเบิร์ก)