สถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) จนถึงวันนี้ยังคงตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุการณ์ล่าสุดทหารเมียนมาสามารถยึดพื้นที่แนวต้านด้านนอกหมู่บ้านเลอเตก่อไว้ได้แล้ว
สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี ผู้สื่อข่าวพิเศษบีบีซีไทยรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ถึงสถานการณ์เหตุปะทะเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลปะทะหนักฝ่ายต่อต้านเสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บกว่า 10 รายและมีรายงานว่าถูกจับกุม 5 ราย
ทหารเมียนมาได้ยิงอาวุธปืน ค.120 และ ค.81 ลงพื้นที่เคเอ็นยูเป็นระยะ ๆ หลังจากได้ปฏิบัติทางอากาศโดยใช้เครื่องบินรบมิก-29 ทิ้งระเบิด และเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ และยิงใส่ที่มั่นฝ่ายกะเหรี่ยงอย่างหนัก ที่บ้านโซซีเมี่ยน ตรงข้ามบ้านแม่กุใหม่ท่าซุงหมู่ที่ 9 ต.แม่กุ และบ้านเลเตอก่อ ตรงข้ามบ้านดอนชัย ต.แม่ตาว อ.แม่สอดอย่างหนัก
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้ลี้ภัยชาวเมียนมา เชื้อสายกะเหรี่ยงทะลักเข้ามาเขตไทยที่บ้านบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง หมู่ที่ 9 บ้านแม่กุหลวง หมู่ที่ 1 จำนวนกว่า 1,000 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครองไทยได้นำผู้ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ชั่วคราวที่สนามกีฬาบ้านแม่กุใหม่ท่าซุงแล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจและแสดงความกังวลถึงสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารเมียนมาและกลุ่มต่อต้านว่าจะมีท่าทีเลวร้ายลงไปหรือไม่ ช่วยใช้ #แม่สอด จนติดเทรนด์ในทวิตเตอร์อันดับหนึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และตอนนี้แฮชแท็กดังกล่าวยังคงติดอันดับ 5 ในไทย ด้วยจำนวนเกือบ 9 แสนข้อความ
ผู้สื่อข่าวพิเศษบีบีซีไทยรายงานเพิ่มเติมว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเมียนมาแจ้งว่า ทหารเมียนมาร่วมกับทหารกะเหรี่ยงบีจีเอฟที่ จ.เมียวดี เข้าโจมตีทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ฐานที่มั่นแห่งหนึ่งก่อนเข้าหมู่บ้านเลเตอก่อ ประมาณ 1 กิโลเมตร และสามารถยึดที่มั่นไว้ได้แล้ว โดยมีกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเมียนมาเสียชีวิต 6 คน ประกอบด้วย ทหารจากเคเอ็นยู 2 นาย ทหารจากกองกำลังพิทักษ์ประชาชนหรือพีดีเอฟ 4 นาย และกองทัพเมียนมาได้จับทหารพีดีเอฟได้ 5 คน พร้อมกับยึดอาวุธปืนได้ 10 กระบอก รถยนต์กระบะ ได้ 6 คัน
สำหรับราษฎรไทยในหมู่บ้านชายแดนที่บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ที่อยู่ติดตามแนวชายแดนได้ต้องปิดประตูบ้านหนีไปอาศัยอยู่กับญาติ ๆ พื้นที่ตามโรงเรียน และวัดเมื่อคืนที่ผ่านมา
ยอดผู้หนีภัยทะลักทะลุ 5 พันคนแล้ว
ด้านนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้หนีภัยจากการสู้รบในพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.แม่ตาว ต.แม่กุ และ ต.มหาวัน ใน อ.แม่สอด จำนวนกว่า 5,000 คนแล้ว
โดยส่วนมากนำไปรวบไว้ที่บ้านห้วยมหาวงศ์ ต.มหาวัน อ.แม่สอด ทางจังหวัดได้ดูแลผู้ลี้ภัยอย่างดี แต่เมื่อเหตุการณ์สงบ จะต้องส่งกลับไปภูมิลำเนาในฝั่งเมียนมา ผู้ลี้ภัยที่เข้ามาบางกลุ่มขอกลับไปฝั่งเมียนมาด้วยความสมัครใจ เพราะเป็นห่วงทรัพย์สิน และบ้านที่อยู่ในฝั่งเมียนมา
พนักงานมูลนิธิช่วยเหลือเด็กนานาชาติ 2 คนสูญหายในเหตุบุกโจมตีโดยกองทัพเมียนมา
แถลงการณ์ของมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก เซฟ เดอะ ชิลเดรน ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ได้ระบุว่าพนักงาน 2 คนดังกล่าวหายตัวไปในเมียนมา หลังจากพบศพผู้เสียชีวิต 38 รายเกิดเหตุการบุกโจมตีของกองทัพเมียนมาในพื้นที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลในรัฐกะยา ทางตะวันออกของประเทศ
มูลนิธิดังกล่าวระบุว่า กองทัพเมียนมาบังคับให้คนบนรถยนต์ลงมาแล้วจับกุมพวกเขา สังหารพวกเขาพร้อมกับเผาร่างของพวกเขา ซึ่งเชื่อว่ามีเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนี้
ทั้งนี้ เซฟ เดอะ ชิลเดรนยืนยันว่ารถยนต์ที่ถูกเผาเป็นของมูลนิธิฯ ส่วนพนักงาน 2 คนนั้นอยู่ระหว่างการเดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมเฉพาะเทศกาลวันหยุด หลังจากภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแล้วเสร็จ แต่เคราะห์ร้ายที่พวกเขาถูดจับและสูญหายไปเสียก่อน
เกิดอะไรขึ้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา
บีบีซีไทยรวบรวมข้อมูลจากการรายงานของผู้สื่อข่าวในพื้นที่ และคำชี้แจงของทางการไทยเกี่ยวกับเหตุปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมา-เคเอ็นยู ระลอกเดือน ธ.ค. 2564
เนื่องจากเหตุปะทะเกิดขึ้นใน จ.เมียวดีของเมียนมา จนถึงขณะนี้จึงยังไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการปะทะระลอกใหม่นี้คืออะไร แต่ผู้สื่อข่าวพิเศษของบีบีซีไทยได้ฟังคำบอกเล่าจากแหล่งข่าว รวมทั้งผู้ลี้ภัยบางส่วนที่เดินทางเข้ามาในฝั่งไทยว่าการปะทะเริ่มขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของเคเอ็นยู เนื่องจากมีทหารเมียนมาเข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารที่ลี้ภัยจากเมืองต่าง ๆ มาพักพิงและฝึกยุทธวิธีสู้รบในพื้นที่ของเคเอ็นยู
ปฏิบัติการของทหารเมียนมานำมาสู่การปะทะกันของทั้งสองฝ่าย